แพทย์เผย เป็นแผลในปาก-ท้องเสีย อย่ากินผลไม้ 2 ชนิดนี้ พร้อมแนะควรทานอะไร

แพทย์เผย เป็นแผลในปาก-ท้องเสีย อย่ากินผลไม้ 2 ชนิดนี้ แม้ประโยชน์แต่อาจเกิดโทษร่วมด้วย พร้อมแนะควรทานอะไร

ใคร ๆ ก็เคยมีประสบการณ์ปากแตก ร้อนใน กัดซ้ำ ๆ ปวดจนร้องไห้ หลาย ๆ คนใช้วิธีการทานผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีเพื่อช่วยรักษา อย่างไรก็ตาม ดร. หลิว โบเรน ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและเวชศาสตร์เฉพาะทางออกมาเผยแพร่องค์ความรู้ทางการแพทย์ผ่านเฟซบุ๊ก 劉博仁營養功能醫學專家

โดยแนะนำว่า เมื่อมีอาการแผลในช่องปากไม่ควรรับประทานสับปะรดหรือผลกีวีในขณะนั้น เนื่องจากอาจอุดมไปด้วยเอนไซม์ ใยอาหาร และวิตามินซี แม้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่หากมีแผลในช่องปากท้องเสีย แพ้ผิวหนัง โรคแพ้ภูมิตัวเองอย่างรุนแรง ฯลฯ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเยื่อเมือกอย่างรุนแรงซึ่งนำไปสู่การรักษาเยื่อเมือกที่ไม่ดีหรือปัญหาลำไส้รั่วตามมา

ด้านนักโภชนาการ เฉิง ฮันหยู่ เผยว่า ช่วงที่ช่องปากอักเสบควรใส่ใจเรื่องสุขอนามัยในช่องปาก เช่น บ้วนปากด้วยน้ำเกลือหรือน้ำยาบ้วนปากแบบไม่มีแอลกอฮอล์ งดการโรยเกลือบนบาดแผลเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองมากเกินไปหรือถึงขั้นติดเชื้อได้

พร้อมทั้งควรทานอาหารที่มีวิตามินบีรวมเพื่อที่จะสามารถซ่อมแซมบาดแผลและบรรเทาอาการปวดได้ เช่น เนื้อหมู, ข้าวโอ๊ต, ไข่, นม, ปลา, ไก่, ถั่วแดง, อะโวคาโด, แซลมอน, กล้วย, หอยเชลล์, บรอกโคลี, ผักโขม, หอยตลับ และปลาแมคเคอเรล

นอกจากนี้ ยังสามารถเสริมวิตามินซี เช่น มะละกอ ละลูกพลับ เพื่อเร่งการรักษาและต่อสู้กับการอักเสบ ทานเลือดเป็ดและเนื้อวัวเพื่อเสริมธาตุเหล็ก รวมถึงทานหอยนางรมและกุ้งที่ประกอบด้วยสังกะสีที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและซ่อมแซมเยื่อเมือกได้

เฉิงฮันหยู่กล่าวว่า ปากที่แตกจะรู้สึกบวมและเจ็บปวดในช่วง 2 – 3 ชั่วโมงแรก จากนั้นจะมีหลุมสีขาวเล็ก ๆ เกิดขึ้นภายใน 1 ถึง 3 วัน และในที่สุดจะรู้สึกเจ็บประมาณ 3 ถึง 5 วัน และจะหายเองภายใน 2 สัปดาห์ หากแผลไม่หายนานกว่า 2 สัปดาห์ ควรไปพบทันตแพทย์ ศัลยกรรมช่องปาก หรือโสตศอนาสิกวิทยาโดยเร็วที่สุด และตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยาหากจำเป็น