ประกาศแล้ว วันรับเงินสงเคราะห์บุตรอัตราใหม่ (1,000) บาท วิธียื่นขอรับสิทธิ

ประกาศแล้ว วันรับเงินสงเคราะห์บุตรอัตราใหม่ 1,000 บาท วิธียื่นขอรับสิทธิ

ประกาศแล้ว วันรับเงินสงเคราะห์บุตรอัตราใหม่ 1,000 บาท วิธียื่นขอรับสิทธิ

เงินสงเคราะห์บุตร 1,000 บาท ข่าวดีต้อนรับปีใหม่พ่อแม่ที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือ มาตรา 39 โดยสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรรายเดือนจาก 800 บาท เป็น 1,000 บาทต่อเดือน/บุตร 1 คน สูงสุดไม่เกิน 3 คนต่อครอบครัว สำหรับบุตรตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปีบริบูรณ์ เริ่มตั้งแต่มกราคม 2568 เป็นต้นไป

โดยเงินสงเคราะห์บุตร จะโอนเข้าบัญชีธนาคารให้ผู้ประกันตน ตามการเกิดสิทธิดังนี้

-สิทธิในเดือน มกราคม จะได้รับเงินในเดือน เมษายน

-สิทธิในเดือน กุมภาพันธ์ จะได้รับเงินในเดือน พฤษภาคม

-สิทธิในเดือน มีนาคม จะได้รับเงินในเดือน มิถุนายน

-สิทธิในเดือน เมษายน จะได้รับเงินในเดือน กรกฎาคม

-สิทธิในเดือน พฤษภาคม จะได้รับเงินในเดือน สิงหาคม

-สิทธิในเดือน มิถุนายน จะได้รับเงินในเดือน กันยายน

-สิทธิในเดือน กรกฎาคม จะได้รับเงินในเดือน ตุลาคม

-สิทธิในเดือน สิงหาคม จะได้รับเงินในเดือน พฤศจิกายน

-สิทธิในเดือน กันยายน จะได้รับเงินในเดือน ธันวาคม

-สิทธิในเดือน ตุลาคม จะได้รับเงินในเดือน มกราคม (ปีถัดไป)

-สิทธิในเดือน พฤศจิกายน จะได้รับเงินในเดือน กุมภาพันธ์ (ปีถัดไป)

-สิทธิในเดือน ธันวาคม จะได้รับเงินในเดือน มีนาคม (ปีถัดไป)

สำหรับเงื่อนไขการรับสิทธิเงินสงเคราะห์บุตร จะต้องเป็นผู้ประกันตน ประกันสังคมมาตรา 33 และมาตรา 39, จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน และมีบุตรไม่เกินครั้งละ 3 คน บุตรต้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย

โดยผู้ประกันตนที่มีบุตรสามารถยื่นขอรับเงินสงเคราะห์บุตร 1,000 บาท ได้ ซึ่งจะโอนเข้าบัญชี ผ่านระบบพร้อมเพย์ทุก ๆ สิ้นเดือน โดยมีรายละเอียดดังนี้

หลักเกณฑ์และเงื่อนไข

-ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39

-จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน สิทธิที่ท่านจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 800 บาทต่อบุตรหนึ่งคน

-ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้น บุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น

-อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์

ขั้นตอนยื่นขอรับเงินสงเคราะห์บุตรผ่านเว็บไซต์ประกันสังคม 6 ขั้นตอน ดังนี้

1.เข้าไปที่เว็บไซต์ประกันสังคม www.sso.go.th

2.ใส่รหัสเพื่อเข้าสู่ระบบ/หรือสมัครสมาชิก (หากยังไม่เคยสมัครสมาชิก)

-กรอกรหัสผู้ใช้งาน (เลขบัตรประจำตัวประชาชน)

-กรอกรหัสผ่านผู้ใช้งาน

3.หลังเข้าระบบสำเร็จ ให้ผู้ประกันตนเลือกไปที่เมนูยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนด้วยตนเอง (e-Self Service)

4.จากนั้นให้ผู้ประกันตนเลือกไปที่เมนู “ขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุน”

5.จากนั้นผู้ประกันตนเลือก “สงเคราะห์บุตร ”

6.ให้ผู้ประกันตนกรอกข้อมูลตามที่ระบบระบุไว้ให้ถูกต้องครบถ้วน รวมถึงอัปโหลดเอกสารลงในระบบได้เลย

ขั้นตอนยื่นด้วยตัวเองที่สำนักงานประกันสังคม

1.ผู้ประกันตนต้องกรอกแบบ สปส.2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา หรือยื่นขอรับทางไปรษณีย์โดยมีหลักฐานครบถ้วน (กรณีผู้ประกันตนยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตร 3 คน ในคราวเดียวกันสามารถใช้แบบคำขอฯ ชุดเดียวกันได้)

2.เจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานและพิจารณาอนุมัติ

3.สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา

4.พิจารณาสั่งจ่าย จ่ายเป็นรายเดือนโดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน

หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร

1.แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)

2.กรณี ผู้ประกันตนเคยยื่นใช้สิทธิแล้ว และประสงค์จะใช้สิทธิสำหรับบุตรคนเดิม ให้ใช้หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน จำนวน 1 ฉบับ

3.กรณีผู้ประกันตนหญิงใช้สิทธิ

3.1สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย) จำนวน 1 ชุด

4.กรณีผู้ประกันตนชายใช้สิทธิ

4.1 สำเนาทะเบียนสมรส หรือสำเนาทะเบียนหย่าพร้อมบันทึกแนบท้ายของผู้ประกันตนหรือสำเนาทะเบียนรับรองบุตร หรือสำเนาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1 ชุด

4.2 สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย จำนวน 1 ชุด)

5.กรณีเปลี่ยนชื่อ ชื่อ – สกุล ให้แนบสำเนาเอกสารใบเปลี่ยนชื่อ ชื่อ – สกุลด้วย จำนวน 1 ชุด

6.กรณีผู้ประกันตนต่างชาติขอรับประโยชน์ทดแทนให้ใช้สำเนาบัตรประกันสังคม และสำเนาหนังสือเดือนทาง (passport) หรือสำเนาหนังสือเดินทางชั่วคราวหรือเอกสารรับรองบุคคลที่ทางราชการออกให้ จำนวน 1ชุด

7.สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ จำนวน 1 ฉบับ

8.เอกสารประกอบการยื่นคำขอฯ ที่เป็นสำเนาให้รับรองความถูกต้องของสำเนาทุกฉบับ และแสดงเอกสารที่เป็นต้นฉบับเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ กรณี เอกสารหลักฐานสำคัญต่อ การพิจารณาเป็นภาษาต่างประเทศให้จัดทำคำแปลเป็นภาษาไทยและรับรองความถูกต้องให้ครบถ้วน

9.ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา ที่สะดวก (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)

ทั้งนี้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 สามารถยื่นเรื่องรับสิทธิภายในระยะเวลา 2 ปี นับแต่วันที่มีสิทธิ และได้รับถึงเมื่อบุตรอายุ 6 ปีบริบูรณ์เท่านั้น โดยต้องส่งเงินสมทบไม่ต่ำกว่า 12 เดือน ตลอดระยะเวลา 36 เดือนก่อนคลอด จึงจะได้รับสิทธิ

กรณีผู้ประกันตนชายมาตรา 33, 39 ประกันสังคมให้สิทธิ รับสิทธิประโยชน์เงินสงเคราะห์บุตรแทนภรรยาที่ไม่ใช่ผู้ประกันตน ด้วย โดยคุณพ่อที่จดทะเบียนสมรสกับภรรยา หรือจดทะเบียนรับรองบุตรว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย และจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน สามารถขอรับเงินสงเคราะห์บุตร 1,000 บาทได้ ตั้งแต่บุตรแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปีบริบูรณ์

หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการหมดสิทธิรับเงินสงเคราะห์บุตร

-บุตรอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์

-ตัวบุตรเสียชีวิต

-ได้ยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น

-สิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตน

ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคม คาดว่าในเดือนมกราคม 2568 จะมีบุตรของผู้ประกันตน ดังกล่าว ได้รับสิทธิ กรณีสงเคราะห์บุตรประมาณ 1.2 ล้านคน โดยตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา มีการปรับขึ้นเงินอุดหนุนบุตร 6 ครั้ง ล่าสุดเมื่อปี 2564 อยู่ที่ 800 บาทต่อเดือน โดยการปรับขึ้นเป็นเดือนละ 1,000 บาท ในครั้งนี้จะใช้งบประมาณเพิ่มปีละ 3,225 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง