แม่ร้อง ลูก7ขวบ ถูกพี่ป.4 จับหัวโขกจนปูด แจ้งความตำรวจไม่รับ ถามจะเอาเรื่องเด็กหรือ

วันที่ 5 ธันวาคม 2567 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์รูปภาพหลานชายถูกทำร้ายจนหัวโน พร้อมระบุข้อความว่า หลานชายป.1 โดนพี่ ป.4 รุม เอาหัวโขกพื้น ในห้องน้ำโรงเรียน หัวโน ปูด ใต้ตาเป็นแผล…เรื่องนี้ ฉันคงปล่อยวาง ไม่ได้ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด การเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ต.โพนสูง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ทราบชื่อเด็กที่ถูกทำร้ายคือน้องพ๊อตโตะ อายุ 7 ปี นักเรียนชั้น ป.1 ส่วนผู้โพสต์เป็นป้าของน้องพ๊อตโตะ

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ น.ส.กาญจนา อายุ 36 ปี แม่ของน้องพ๊อตโตะ กล่าวว่า ลูกชายเรียนอยู่ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ถือว่าเป็นโรงเรียนมีชื่อเสียงใน ต.โพนสูง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.00 น. คุณครูประจำชั้น โทรมาหาบอกว่า “พ๊อตโตะโดนพี่ป.4 2 คน ทำร้าย ในคาบเรียนคาบที่ 5 วิชาศิลปะ”

น.ส.กาญจนา กล่าวต่อว่า ครูบอกว่าตอนนั้นน้องขออนุญาตมาเข้าห้องน้ำ จากนั้นมาเจอพี่ ป.4 และน้องพูดคำหยาบใส่รุ่นพี่ จึงถูกกระชากคอเสื้อ แล้วจับทุ่มลงพื้นและหัวโขกกับอ่างล้างหน้าภายในห้องน้ำโรงเรียน ตอนนั้นรู้ข่าวตกใจมากรีบออกไปหาลูกชายที่โรงเรียนทันที

น.ส.กาญจนา กล่าวอีกว่า เมื่อไปถึงโรงเรียน ตนร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตา เพราะเห็นศีรษะลูกชายปูดบวม และใต้ตาเขียวช้ำ แต่ลูกชายก็วิ่งมากอดแม่บอกว่า “แม่ๆ พ๊อตโตะไม่เป็นอะไรนะครับ แม่เข้มแข็งนะ” ได้ยินลูกชายพูดแบบนั้นทั้งๆ ที่เขาเจ็บ ก็ยิ่งร้องไห้หนักไปอีก

น.ส.กาญจนา กล่าวต่อว่า ตนจึงรีบพาลูกไปหาหมอ พอเอกซเรย์หมอบอกว่าลูกชายแค่หัวโน ไม่ได้กระทบกระเทือนต่อกะโหลกศีรษะ จากนั้นจึงไปแจ้งความ แต่ตำรวจไม่ได้รับแจ้งความ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องของเด็กตีกัน จะให้ตำรวจดำเนินคดีกับเด็กหรือ ตนจึงกลับมาบ้าน เห็นหน้าลูกชายก็ได้แต่ร้องไห้ ไม่คิดว่าลูกชายจะถูกรุ่นพี่ทำร้ายแบบนี้ เพราะเขาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่อนุบาล ตนเสียใจมาก

น.ส.กาญจนา กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุโรงเรียนก็ยังไม่ได้ออกมาพูดอะไร แต่พอวันที่ 4 ธ.ค. แม่ของคู่กรณีคือแม่ของน้องแอนฟิลด์ (พี่ ป.4) ก็โทรมาหา อยากจะขอมาเยี่ยม แต่ทางตนไม่สะดวกให้เยี่ยม เนื่องจากลูกชายยังมีความกลัว เกรงว่าจิตใจของลูกจะรับไม่ได้

น.ส.กาญจนา กล่าวต่อว่า ตนรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสถานศึกษาควรจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย หากลูกชายตนพูดไม่เพราะ หรือด่ารุ่นพี่ ป.4 ก็ควรจะตักเตือน หรือไปฟ้องคุณครูและให้คุณครูกลับมาบอกแม่ เราพร้อมที่จะอบรมลูก แต่นี่เด็กพูดไม่เพราะ แล้วรุ่นพี่มาใช้กำลัง

น.ส.กาญจนา กล่าวอีกว่า ตนมีลูกชายคนเดียว ปกติเป็นคนเรียบร้อย ไม่ชอบทะเลาะวิวาท มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์เขาถูกทำร้ายร่างกาย ลูกชายพูดเสมอว่ากลัวไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว เขากลัวถูกทำร้ายอีก ตอนนี้ห่วงจิตใจลูกจนต้องพาไปพบจิตแพทย์

น.ส.กาญจนา กล่าวต่อว่า ตนอยากให้ทางโรงเรียนออกมามีบทบาทรับผิดชอบมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุบ่ายโมงมาแจ้งผู้ปกครองอีกทีหลังเลิกเรียน พรุ่งนี้ทางโรงเรียนได้นัดผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยกันในเวลา 10.00 น. หากเด็ก 2 คนนั้นยังเรียนโรงเรียนอยู่ ตนคงย้ายลูกไปเรียนโรงเรียนอื่น

“เราเสียใจที่ลูกชายถูกทำร้ายแบบนี้ ฝากความไว้ใจให้ลูกเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่อนุบาล ขนาดแม่ไม่เคยทำร้ายลูกเจ็บแบบนี้เลย หัวอกคนเป็นแม่เห็นลูกเจ็บแม่ก็เจ็บ โดยเฉพาะป้าของน้องพ๊อตโตะ เห็นหลานชายถูกทำร้ายกินไม่ได้นอนไม่หลับ เขาสงสารหลานชายมาก” น.ส.กาญจนา กล่าวพร้อมสะอื้นร้องไห้

ด้าน น.ส.ลลิภัสร์ อายุ 40 ปี ป้าของน้องพ๊อตโตะ รู้ข่าวว่าหลานชายถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย ตกใจมาก รีบเดินทางจากตัวเมืองอุดรธานีมาหาหลานชายที่บ้านดุงเลยวันนี้ ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก เห็นแล้วน้ำตาร่วงเลย จึงโพสต์เพราะอยากได้รับความเป็นธรรม ตนร้องไห้จนนอนไม่หลับ แล้วทราบว่าเด็กที่ทำร้ายหลานชายเคยถูกทัณฑ์บนหลายครั้งแล้ว แต่โรงเรียนไม่ดำเนินการอะไรเลย

ขณะน้องพ๊อตโตะ กล่าวว่า ตอนที่ไปเข้าห้องน้ำ พี่เขาดึงคอเสื้อตนก่อน ตนจึงด่าไป ทำให้ถูกรุ่นพี่ทั้ง 2 คนทำร้ายเอาหัวโขกกับขอบอ่างล้างหน้า ตอนนี้กลัวจนไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรไปหาผู้ปกครองของคู่กรณีคือแม่น้องแอนฟิลด์ กล่าวว่า ตนถามลูกแล้วลูกชายบอกว่า กำลังจะไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็เจอน้องพ๊อตโตะที่บันได เพื่อนอีกคนที่เดินมากับลูกชายไปทักว่า “แอนฟิลด์ แอนฟิลด์ นั่นน้องมึง” ลูกชายตนก็บอกว่าไม่ใช่ จากนั้นน้องพ๊อตโตะก็พูดคำหยาบขึ้นมาว่า “แอนฟิลด์ควาย” ลูกชายตนเลยผลักน้อง

แม่น้องแอนฟิลด์ กล่าวต่อว่า ลูกชายบอกว่าไม่ได้เป็นคนเอาหัวน้องโขกกับอ่างล้างหน้า แต่เป็นเพื่อนอีกคนนึงที่ทำ ตนก็เชื่อลูกชายครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ทางโรงเรียนมีภาพกล้องวงจรปิดอยู่ ต้องขอดูก่อนว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง พรุ่งนี้ทางโรงเรียนก็นัดเจรจากันและเปิดวงจรปิดดูพร้อมกัน

แม่น้องแอนฟิลด์ กล่าวอีกว่า ตนไม่รู้ว่าเวลาลูกอยู่ที่โรงเรียนนิสัยเป็นยังไง ส่วนเรื่องที่ลูกชายถูกครูฝ่ายปกครองเรียกไปพบเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น คุณครูแจ้งกลับมาว่า เรียกผิดคน ซึ่งกรณีดังกล่าวนั้น หากลูกชายตนผิดจริง ก็ยินยอมที่จะเยียวยาชดใช้ ตามที่ผู้ปกครองอีกฝั่งเรียกร้องมา ตามความเหมาะสมอย่างแน่นอน

ด้าน พ.ต.อ.พงศ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.บ้านดุง และ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ ส่องโสม รอง ผกก (สอบสวน) สภ.บ้านดุง กล่าวถึงกรณีตำรวจไม่รับแจ้งความว่า เรื่องตำรวจไม่รับแจ้งความน่าจะสื่อสารกันผิดพลาด ตำรวจรับแจ้งทุกเรื่อง โดยทราบว่าวันที่ 3 ธ.ค. 2567 คุณแม่ไปแจ้งความผิดห้อง พอดีไปเจอพลขับ ทำให้แจ้งกับคุณแม่ว่า ไม่รับแจ้งความเด็กทำร้ายกัน วันนี้จะให้คุณแม่แจ้งความได้เลย

วันเดียวกัน เวลา 14.30 น. คุณแม่น้องพ๊อตโตะจึงเดินทางไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.ราชวรรณ ขวัญศรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านดุง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนในพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. ทางโรงเรียนได้นัดผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจากัน โดยจะมีเจ้าหน้าที่ พมจ.บ้านพักเด็กฯ เดินทางไปร่วมรับฟังด้วย และจะเปิดกล้องวงจรปิดดูพร้อมๆ กันว่าเหตุการณ์ในห้องน้ำว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร