กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 3 แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระแสข่าวทหารไทยเผชิญหน้าใช้อาวุธกับกลุ่มว้าแดง กองกำลังชาติพันธุ์ในประเทศเมียนมา บริเวณแนวชายแดน จ.แม่ฮ่องสอน
โดยยืนยันสถานการณ์ชายแดนอยู่ในภาวะปกติ ประชาชนใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย และความสัมพันธ์ตามแนวชายแดนยังคงอยู่ในระดับที่ดีต่อกัน
สำหรับพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีการสำรวจ และปักปันเขตแดนร่วมกัน ซึ่งที่ผ่านมาใช้กลไกความร่วมมือในทุกระดับ ตั้งแต่คณะกรรมการท้องถิ่น ภูมิภาค ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐ
จากกรณีดังกล่าวมีบางกลุ่มพยายามปลุกปั่นเกี่ยวกับการสูญเสียดินแดน และอธิปไตยของชาติ
การจุดประเด็นปลุกปั่นสูญเสียดินแดนนั้น ก่อนหน้านี้มีเรื่องข้อตกลงบันทึกความเข้าใจเมื่อปี 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยบางกลุ่มอ้างถึงการสูญเสียพื้นที่เกาะกูด จ.ตราด
ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศ ส่งผู้เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย สนธิสัญญาระหว่างประเทศ ออกมาชี้แจงยืนยันเอ็มโอยูไม่เกี่ยวกับเรื่องสูญเสียดินแดน เกาะกูดเป็นของไทย และกัมพูชาก็รับทราบมาโดยตลอด
แต่เอ็มโอยูที่ทำขึ้นก็เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ประเทศ ตั้งคณะกรรมการเจรจาหาทางออกร่วมกัน เพื่อแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล โดยเฉพาะแหล่งก๊าซธรรมชาติ
หากทำสำเร็จจะส่งผลต่อต้นทุนพลังงาน ค่าไฟฟ้าจะถูกลง เป็นผลดีต่อประเทศและประชาชน
ส่วนกรณีชายแดนภาคเหนือนั้น นอกจากกองทัพบกชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ร่วมยืนยันอีกครั้ง
โดยระบุว่าฝ่ายไทยและว้าอยู่ร่วมกันมานานตามเขตแดนที่กำหนด พูดคุยมีความสัมพันธ์กันปกติ ไม่มีสู้รบ ยืนยันว่ากองทัพมีความพร้อมเต็มที่ในการปกป้องอธิปไตย เพื่อไม่ให้ใครมารุกราน
รวมถึงพื้นที่ชายแดนบริเวณอื่นๆ ด้วย โดยยึดถือหลักปฏิบัติไม่รุกล้ำอธิปไตยซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็สามารถพูดคุยกันได้
การออกมาชี้แจงของกองทัพ และบุคคลระดับสูงของรัฐบาล น่าจะคลี่คลายความกังวลใจ และสร้างความมั่นใจต่อสังคมว่าสถานการณ์เป็นปกติ ไม่มีเรื่องสูญเสียดินแดน