ผลไม้ 9 ชนิด ที่ไม่ควรกินตอนท้องว่าง นึกว่ามีประโยชน์ กลายเป็นทำร้ายกระเพาะ

ไม่รู้มาก่อน 9 ผลไม้ที่ไม่ควรกินตอนท้องว่าง นึกว่าจะได้ประโยชน์ ที่แท้ทำร้ายกระเพาะอาหาร 

มีผลไม้บางชนิดที่ดูมีประโยชน์ แต่หากกินขณะท้องว่าง อาจเกิดผลตรงกันข้าม ทำให้กระเพาะ “ประท้วง” และอาจสร้างความเสียหายต่อร่างกายตามมา ด้านล่างนี้คือผลไม้ 9 ชนิดที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อหิว ตามคำแนะนำของ Times of India

  • กล้วย

กล้วยเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารมาก ให้พลังงาน วิตามิน และแร่ธาตุ แต่การกินกล้วยขณะท้องว่างเป็นความผิดพลาดที่สำคัญ กล้วยมีแมกนีเซียมสูง เมื่อกินขณะท้องว่าง แมกนีเซียมจะเพิ่มขึ้นในเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้สมดุลแร่ธาตุเสีย และส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

นอกจากนี้ กล้วยยังมีน้ำตาลสูง ซึ่งกระตุ้นให้กระเพาะหลั่งกรด ทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อน ท้องอืด ไม่สบายท้อง และหากเกิดซ้ำบ่อยๆ อาจนำไปสู่แผลในกระเพาะอาหารได้ จึงควรกินกล้วยหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง หรือกินร่วมกับอาหารอื่นเพื่อลดผลกระทบต่อกระเพาะอาหาร

  • ลูกพลับ

ลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีรสหวานอร่อย แต่มีสารแทนนินและเพคตินสูง เมื่อกินขณะท้องว่าง สารเหล่านี้จะรวมตัวกับกรดในกระเพาะอาหารกลายเป็นตะกอนแข็งคล้าย “ก้อนหิน” ในกระเพาะ อาจนำไปสู่การอุดตันในกระเพาะ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ย่อยไม่ดี คลื่นไส้ หากไม่ได้รับการรักษาทันที ก้อนในกระเพาะอาจทำให้เกิดการอุดตันรุนแรง จนต้องผ่าตัดเพื่อเอาออก ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย

  • ผลไม้ตระกูลส้ม

ส้มและส้มเขียวหวานมีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน แต่การกินส้มขณะท้องว่างอาจทำให้กรดในกระเพาะเพิ่มขึ้น ส้มมีกรดซิตริกและกรดแอสคอร์บิกจำนวนมาก เมื่อกินขณะท้องว่าง กรดเหล่านี้จะทำให้เยื่อบุกระเพาะระคายเคือง เกิดอาการกรดไหลย้อน แสบร้อนกลางอก ปวดกระเพาะ และเพิ่มความเสี่ยงต่อแผลในกระเพาะและลำไส้เล็กส่วนต้น

คนที่มีปัญหากระเพาะควรหลีกเลี่ยงการกินผลไม้ตระกูลส้มขณะหิว เพราะกรดอาจทำให้แผลรุนแรงขึ้น ควรกินส้มหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง หรือน้ำส้มเจือจาง และควรเลี่ยงการกินส้มในตอนเย็น

  • สับปะรด

สับปะรดมีโบรมีเลน เอนไซม์ที่ย่อยโปรตีน การกินสับปะรดขณะท้องว่างทำให้โบรมีเลนทำลายเยื่อบุกระเพาะจนเกิดแผล ทำให้เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ กรดไหลย้อน ท้องเสีย ซึ่งอันตรายมากสำหรับคนที่มีแผลในกระเพาะและระบบย่อยอ่อนแอ ควรกินสับปะรดหลังอาหารมื้อหลัก 2-3 ชั่วโมง และควรหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เอาแกนออกและแช่น้ำเกลือจางก่อนกิน เพื่อลดปริมาณโบรมีเลน หากต้องการเสริมวิตามินซี สามารถแทนที่ด้วยผลไม้อื่น เช่น ส้ม เกรปฟรุต กีวี แต่ควรกินหลังมื้ออาหาร

  • ลิ้นจี่

ไม่ค่อยมีใครทราบว่าการกินลิ้นจี่ขณะท้องว่างอาจมีผลกระทบร้ายแรง น้ำตาลในลิ้นจี่สูงมากทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดอาการเวียนหัว เหนื่อยล้า และอาจถึงขั้นเป็นลมได้ น้ำตาลในลิ้นจี่จะหมักอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่ท้องว่าง ทำให้เกิดแก๊ส ท้องอืด และไม่สบายท้อง เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ ควรกินลิ้นจี่หลังมื้อหลักเมื่อท้องมีอาหารแล้ว

  • แตงโม

แตงโมมีปริมาณน้ำสูง อาจทำให้ท้องอืดหากกินขณะท้องว่าง โดยเฉพาะเมื่อกินในปริมาณมาก

  • แอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ซึ่งอาจทำให้ท้องอืด หรือเกิดแก๊สได้หากกินขณะท้องว่าง ควรกินหลังมื้ออาหารหรือเป็นของว่างระหว่างมื้อที่ไม่หิวจนเกินไป

  • องุ่น

องุ่นมีน้ำตาลธรรมชาติและน้ำสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหากกินขณะท้องว่าง ควรกินพร้อมอาหารอื่นเพื่อช่วยให้ย่อยง่ายขึ้น

  • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

เบอร์รี่ปลอดภัยในการกินขณะท้องว่างในปริมาณเล็กน้อย แต่ไฟเบอร์สูง อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องเสียได้หากกินในปริมาณมาก