ชาวบ้านโวยซื้อบ้านราคาเกือบสามล้าน อยู่ไม่ถึงปี สุดท้ายความซวยมาเยือน

เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจาก นายณัฐวุทธ  เอมสอาด อายุ 34 ปี ว่าตนได้ชื้อบ้านในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ที่ ซ.28 ในพื้นที่ ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็ทาวน์เฮ้าส์สองชั้นซึ่งในซอยมีบ้านทั้งหมด 11 หลัง ทุกหลังหน้าบ้านที่จอดรถแตกร้าวทรุดตัวซึ่งบ้านแต่ละหลังไม่กล้านำรถเข้าไปจอดในบ้านเกรงบ้านทรุดตัวเพิ่มซึ่งบ้างบางหลังบนชั้นสองเริ่มแตกร้าว

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านดังกล่าวในซอย 28 ซึ่งพบว่ามีบ้านเป็นทาวน์เฮ้าส์รวม 11 หล้งซึ่งบ้านแต่ละหลังที่จอดรถหน้าบ้านทรุดตัวทักหลังกระเบื้องแตกเป็นโพลงเจ้าของบ้านไม่กล้าที่จะนำรถเข้าไปจอดในบ้านกลัวซึ่งบ้านบางหลังกำแพงบ้านบนชั้นสองของตัวบ้านเริ่มแตกฝาพนังบวม

นายณัฐวุทธ  เอมสอาด อายุ 34 ปี เล่าว่าตนชื้อบ้านช่วงเดือนกันยายน ปี 2565 ในราคา 2.79 ล้านบาทผ่อนเดือนละ10,000 กว่าบาทซึ่งตนและครอบครัวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านได้ประมาณ 4-5 เดือนพื้นที่จอดรถหน้าบ้านเริ่มแตกและทรัดตัวพื้นกระเบื้องเป็นโพลงและท่อน้ำที่ฝั่งอยู่ใต้ดินแตกรั่วค่าน้ำเพิ่มสูงต้องจ้างช่างเดินท่อน้ำประปาแบบลอยซึ่งตนและเพื่อนบ้านแต่ละหลังรวมแล้ว11 หลังคาเรือนได้รับผลกระทบเหมือนกันทุกหลังซึ่งตนและเพื่อนบ้านได้เข้าสอบถามจากทางเจ้าหน้าที่นิติของหมู่บ้านกับถูกปัดความรับผิดชอบบอกไม่อยู่ในประกันและก็เงียบหายไปซึ่งตนและเพื่อนบ้านได้เดินทางเข้ายื้นหนังสือเรียกร้องขอความเป็นทำ ที่ สคบ.และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนนทบุรี

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 119/447 พบนาย อมรเทพ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเล่าว่าตนและครอบครัวชื้อบ้านในราคา 2 ล้านกว่าบาทย้ายเข้ามาอยู่ได้ประมาณ 4 เดือนหน้าบ้านเริ่มทรุดตัวท่อน้ำที่ฝังอยู่ใต้ดินแตกทีแรกก็ไม่รู้ค่าน้ำมา 6000 บาทตนตกใจมากเลยพูดกับเจ้าหน้าที่ที่มาส่งบินค่าน้ำไปว่าผมไม่ได้มีสวนทุเรียนนะค่าน้ำสูงขนาดนี้ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ประปามาทำให้เดินท่อน้ำประปาแบบลอยกันหมดทั้ง 11 หลังคาเรือนเพราะทั้งซอยมีทั้งหมด 11 หลังได้รับผลกระทบกันหมดทุกหลังก็อยากฟากถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าตรวจสอบและช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเพราะบ้านแต่ละหลังก็ ตกเกือบสามล้านบาททุกหลังซึ่งบ้านแต่ละหลังไม่กล้าที่จะนำรถเข้ามาจอดในบ้านเกรงว่าพื้นจะ ทรุดตัวไปมากกว่านี้