ราชกิจจาฯ ประกาศ เเนวทางการจัดการเลือกตั้ง ในพื้นที่ความไม่สงบชายเเดนไทย-กัมพูชา

ราชกิจจาฯ ประกาศ เเนวทางการจัดการเลือกตั้ง ในพื้นที่ความไม่สงบชายเเดนไทย-กัมพูชา

ข่าวการเมือง

ราชกิจจาฯ ประกาศ เเนวทางการจัดการเลือกตั้ง ในพื้นที่ความไม่สงบชายเเดนไทย-กัมพูชา

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2568 มีรายงานว่า เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยเเพร่ประกาศ คณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง แนวทางดำเนินการการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเขตเลือกตั้งที่มีสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา

โดยที่ได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2568 และคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้กำหนดให้วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า เกิดสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา อันส่งผลกระทบต่อการดำเนินการ จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 และมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 ประกอบมาตรา 5 มาตรา 30 มาตรา 33 และมาตรา 109 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงมีมติให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำเขตเลือกตั้งและผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งในจังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดบรีรัมย์ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดอบลราชธานี ที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ดังต่อไปนี้

1. การปิดประกาศ หรือระเบียบตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อได้ปิดประกาศ ณ ที่เลือกตั้ง หรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง หรือสถานที่ที่ประชาชนสะดวกในการตรวจสอบแล้ว ให้ดำเนินการประกาศ ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบ หรือวิธีการอื่นใดที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวกด้วย

หากไม่สามารถปิดประกาศ ณ ที่เลือกตั้งหรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง หรือสถานที่ที่ประชาชนสะดวก ในการตรวจสอบได้ ให้ถือว่าการประกาศในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบหรือวิธีการอื่นใด เป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว

2. กรณีจัดส่งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในทะเบียนบ้านพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ไปยังเจ้าบ้านในเบื้องต้น ให้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด หากไม่สามารถจัดส่งได้ ให้รายงานให้กกต.ทราบและให้เก็บรักษาเอกสารดังกล่าวไว้ในที่ปลอดภัยจนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุดลง แล้วจึงจัดส่ง เอกสารดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

3. จัดให้มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อยู่ในศูนย์อพยพลงทะเบียน ขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางนอกเขตเลือกตั้ง ภายในระยะเวลา ตามประกาศกกต. เรื่องกำหนดวัน และเวลายื่นคำขอลงทะเบียนใช้สิทธิออกเสียง ลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง

โดยขอความร่วมมือให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนน ก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางนอกเขตเลือกตั้งที่มีความปลอดภัยและอยู่ใกล้เคียงกับเขตเลือกตั้ง ที่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบ และ ในวันออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งให้ประสานหน่วยงานของรัฐ จัดพาหนะรับส่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลาง นอกเขตเลือกตั้งดังกล่าวด้วย

4. การจัดหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้งที่อยู่ในเขตเลือกตั้ง หากยังมีสถานการณ์ความไม่สงบ ให้กกต. ประจำเขตเลือกตั้งพิจารณาเปลี่ยนแปลงเขตของหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งสามารถเดินทางได้สะดวกและปลอดภัย โดยหน่วยเลือกตั้ง และที่เลือกตั้งดังกล่าวต้องอยู่ในเขตเลือกตั้ง ตามมาตรา 30 วรรคสาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561และที่แก้ไขเพิ่มเติม

5. ภายใน 7 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง ให้ประสานนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น จัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือผู้มีสิทธิเลือกตั้งในศูนย์อพยพที่ไม่ได้ ไปใช้สิทธิเลือกตั้งลงทะเบียนแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งด้วย

ประกาศดังกล่าว

ประกาศดังกล่าว

ประกาศ ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2568 โดยนายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง เป็นผู้ลงนาม

เรียบเรียง สยามนิวส์