สื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลก CNN รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเดือดระลอกใหม่ ระบุไทยเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายในกัมพูชา ด้านกองทัพไทยยืนยันจำเป็นต้องตอบโต้ตาม กฎการใช้กำลัง (Rules of Engagement) อย่างสมควรแก่เหตุ หลังฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เปิดฉากใช้อาวุธหนักโจมตีใส่ฐานที่มั่นไทยก่อนตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. จนเป็นเหตุให้ทหารไทยเสียชีวิต

CNN ตีข่าว ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศตอบโต้

สำนักข่าว CNN รายงานเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมว่า ประเทศไทยได้เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ (Airstrikes) ต่อเป้าหมายทางทหารในกัมพูชาเมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการปะทะระลอกใหม่ที่รุนแรงที่สุด และอาจส่งผลให้ข้อตกลงสันติภาพที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เคยสนับสนุนไว้เมื่อ 2 เดือนก่อน ต้องพังทลายลง

กองทัพไทยแจงยิบ “กัมพูชาเริ่มก่อน” จำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย

ตามรายงานระบุว่า พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงถึงสาเหตุของปฏิบัติการครั้งนี้ว่า เป็นการตอบโต้ (Retaliation) ที่จำเป็น หลังจากฝ่ายกัมพูชาได้ทำการโจมตีเข้ามาก่อน โดยเป้าหมายของการโจมตีทางอากาศคือโครงสร้างพื้นฐานทางทหารและจุดสนับสนุนอาวุธของกัมพูชาในพื้นที่ ช่องอานม้า

โฆษกกองทัพบกระบุชัดเจนว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนัก ทั้งปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิด ระดมยิงใส่ ฐานอนุพงศ์ ของไทย ส่งผลให้ ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 7 นาย การตอบโต้ของไทยจึงเป็นไปตามหลักสากลและกฎการปะทะ เพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามและปกป้องชีวิตกำลังพล

สถานการณ์ตึงเครียด อพยพชาวบ้านวุ่น

รายงานจาก CNN ยังระบุว่า กองทัพไทยได้ดำเนินการอพยพพลเรือนในพื้นที่เมืองชายแดนออกไปแล้วกว่า 70% เพื่อความปลอดภัย ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชา โดยกระทรวงกลาโหม ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธและกล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มโจมตี ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลจากฝั่งไทยที่ยืนยันว่าถูกกระทำก่อนตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม

ด้าน อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในพยานข้อตกลงหยุดยิง ได้ออกมาแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุปะทะครั้งนี้ โดยระบุว่าการสู้รบครั้งใหม่เสี่ยงที่จะทำลายความพยายามในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ

สรุป

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้อยู่ในภาวะเปราะบางสูงสุด โดย CNN รายงานถึงการใช้กำลังทางอากาศของไทยเพื่อตอบโต้การรุกราน ขณะที่กองทัพไทยยืนยันความชอบธรรมในการป้องกันตนเองหลังสูญเสียกำลังพลจากการโจมตีระลอกแรกของกัมพูชา ท่ามกลางการจับตามองของนานาชาติ

แหล่งอ้างอิง