รวมทั้งญัตติด่วนวาจาของนายกลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติเรื่องขอให้สภาฯ ร่วมกันพิจารณาหาทางออกกับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กรณีการสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบที่จะขาดอายุความ ในเที่ยงคืนวันนี้ (25 ต.ค.)
เวลา 11.20 น. นายซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส พรรคภูมิใจไทย (ภท.) อภิปรายว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นห่วงในเรื่องนี้ สำหรับเหตุการณ์ตากใบ แม้ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่เกือบจะโดนชักชวนไปในเหตุการณ์ตากใบด้วย ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้น ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เนื่องจากหลายคนที่ไปก็ไม่รู้ว่าการเข้าไปจะโดนอะไร
ฉะนั้น ตนเข้าใจดีว่าผู้สูญเสียหลายท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ และกระบวนการยุติธรรมก็ควรเปิดพื้นที่ให้เขาสามารถพูดและบอกให้ประชาชนทั้งประเทศรู้ว่า เหตุการณ์วันนั้นไม่ใช่เหตุการณ์ของคนที่ทำความรุนแรงหรือจะก่อให้เกิดความรุนแรง
ทั้งนี้ สังเกตได้ว่าคดีตากใบที่กำลังจะหมดอายุความในวันนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีความรุนแรงเกิดขึ้นมากมาย ตนจึงอยากฝากให้ผู้ต้องหาเข้ามาในกระบวนการยุติธรรม ถ้าเข้าไปอยู่ในกระบวนการของศาลแล้ว ศาลจะว่าอย่างไรก็ว่าไปตามกระบวนการ ซึ่งตนเป็นคนในพื้นที่ เข้าใจดีว่าการทำงานในพื้นที่ 20 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการยุติธรรมหรืออะไรก็แล้วแต่ มักเกิดขึ้นยากมากในสามจังหวัดชายแดนใต้
“เมื่อดูหลายอย่างแล้วรู้สึกหดหู่ใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำท่วม คนอื่นได้เยียวยา แต่คนสามจังหวัดชายแดนใต้ กลับไม่ได้รับการเยียวยา นี่คือสิ่งสะท้อนมาจากชาวบ้านว่า ทำไมรัฐบาลหรือคนของรัฐบาลทำไม่เหมือนกัน” นายซาการียา กล่าว
ด้าน นายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปราย ว่า รัฐควรต้องมีกระบวนการค้นหาความจริง วัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล ซึ่งถูกนิยามว่าเป็นนิติรัฐอภิสิทธิ์ราชนิติธรรมนั้น ควรต้องได้รับการปฏิรูปขนานใหญ่
ตนไม่อยากจินตนาการว่า หากคดีตากใบสิ้นอายุความ โดยไม่แม้แต่จะมีการนำตัวผู้ต้องหามาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
ส่วนใครที่ออกมาพูดว่า เรื่องเกิดมาตั้งแต่ปี 47 จะมาฟื้นฝอยหาตะเข็บกันทำไม จนอาจกลายเป็นไฟลุกลามบานปลายนั้น คนที่พูดแบบนี้ เล่นการเมืองจนไม่สนใจเรื่องความเป็นธรรม ที่สำคัญคือมองสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ไม่ออก เนื่องจากเขาเชื่อแบบที่รัฐไทยและทหารเชื่อว่า เหตุการณ์ทั้งหมดต้องมาจากผู้ก่อการร้ายที่มีลักษณะการทำงานเป็นองค์กร มีโครงสร้าง และระบบชัดเจน
หากคิดแบบนี้ก็คงไม่แปลกที่งบประมาณจะถูกทุ่มลงไปมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ อย่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
การให้เงินช่วยเหลือนั้น ไม่เพียงพอ เราต้องการให้หาคนที่กระทำสิ่งเหล่านี้ และป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีก เพราะสิ่งสำคัญคือความยุติธรรมต้องเกิด วัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลต้องยุติ
จากนั้น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะสส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า เหตุการณ์ตากใบและเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพลวัตที่ทุกภาคส่วนจะหาทางออก ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ความรู้สึกของคนจังหวัดชายแดนใต้เท่านั้น แต่เป็นความรู้สึกของคนทั้งประเทศ ที่สำคัญเป็นความรู้สึกของรัฐบาล
เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ขอโทษประชาชน และในฐานะที่เป็นรัฐบาล เราไม่เคยพูดว่าจะมีการช่วยเหลือบุคคลที่ถูกออกหมายจับเลย เรามีแต่พูดว่าจะทำอย่างไรที่จะส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานด้านความมั่นคงติดตามผู้ต้องหาให้กลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมได้ทันเวลาของอายุความ ซึ่งถือเป็นความไม่เป็นธรรมที่ประชาชนเห็นได้ชัด
“อย่างไรก็ตาม เรื่องคดีไม่ควรมีอายุความ และเราควรเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม เพื่อเยียวยาจิตใจของคนที่โหยหาความยุติธรรม” พ.ต.อ.ทวี กล่าว