คนยุคนี้อัตราโรคพุ่ง!! หมอเตือน “เครื่องดื่ม” ตัวเร่งมะเร็งลุกลาม ส่วนใหญ่พบระยะสุดท้ายแล้ว

คนยุคนี้อัตราโรคพุ่ง!! หมอเตือน “เครื่องดื่ม” ตัวเร่งมะเร็งลุกลาม ส่วนใหญ่พบระยะสุดท้ายแล้ว

คนยุคนี้อัตราโรคพุ่ง! หมอเตือน "เครื่องดื่ม" ตัวเร่งมะเร็งลุกลาม ส่วนใหญ่พบระยะสุดท้ายแล้ว
แชร์เรื่องนี้

อัตราโรคมะเร็งในวัยรุ่นพุ่งสูง! แพทย์เตือน “น้ำหวาน” อาจเร่งให้ลุกลามเร็ว ผู้ป่วยส่วนใหญ่พบเมื่ออยู่ระยะสุดท้าย

แม้ว่าวิทยาการทางการแพทย์จะก้าวหน้าไปมาก แต่ “มะเร็ง” ยังคงเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่รักษาให้หายขาดได้ยาก ล่าสุดงานวิจัยจากสหรัฐอเมริกาเผยข้อมูลชวนผงะ โดยชี้ว่าการดื่ม “เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง” เป็นประจำ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิด “มะเร็งลำไส้ใหญ่” ในวัยรุ่นและวัยทำงานอย่างมีนัยสำคัญ โดยผู้ป่วยจำนวนมากมักถูกวินิจฉัยเมื่อโรคเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว

จากรายงานของสื่อต่างประเทศ ดร.เอ็มมา ชาโตฟ (Dr. Emma Schatoff) แพทย์ด้านมะเร็งวิทยาจากศูนย์มะเร็ง Memorial Sloan Kettering Cancer Center ในนิวยอร์ก เปิดเผยผลการศึกษาโดยเก็บข้อมูลจากผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะเริ่มต้น (Early-onset Colorectal Cancer) จำนวน 303 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อายุไม่เกิน 50 ปี พบว่าผู้ที่บริโภคเครื่องดื่มหรืออาหารที่มีน้ำตาลสูงเป็นประจำ เช่น น้ำอัดลมหวาน ลูกอม หรือขนมหวาน มีแนวโน้มสูงที่จะตรวจพบมะเร็งในระยะที่ 4 ซึ่งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น ตับ และปอด

“ผู้ป่วยวัยรุ่นที่มารับการรักษามักอยู่ในระยะที่โรคแพร่กระจายไปแล้ว หลายคนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นโรคนี้ในวัยที่ยังหนุ่มสาว” ดร.ชาโตฟกล่าว พร้อมเสริมว่า เมื่อพิจารณาปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น โรคลำไส้อักเสบหรือการใช้ยาแล้วพบว่า “อาหารที่มีน้ำตาลสูง” เป็นปัจจัยที่เชื่อมโยงกับการเร่งให้มะเร็งลุกลามมากที่สุด

แม้ว่าที่ผ่านมามีการพูดถึงความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้จากเนื้อแดงหรืออาหารแปรรูป แต่การศึกษานี้กลับไม่พบความเชื่อมโยงที่ชัดเจน ในทางตรงกันข้าม เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลกลับกลายเป็น “ตัวแปรสำคัญ” ที่ต้องจับตา

ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ยังเผยอีกว่า กว่า 63% ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันดื่มน้ำหวานอย่างน้อยวันละหนึ่งแก้ว ซึ่งอาจอธิบายได้ว่าทำไมอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ในกลุ่มวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวถึงเพิ่มขึ้นราว 3% ต่อปีตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา

นอกจากนี้ สมาคมมะเร็งอเมริกัน (American Cancer Society) คาดการณ์ว่า ในปี 2025 จะมีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักรายใหม่ในสหรัฐฯ รวมกว่า 107,320 ราย แบ่งเป็นผู้ชายประมาณ 54,510 ราย และผู้หญิง 52,810 ราย โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 20-49 ปี ที่พบว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 1998-2019 ในขณะที่ผู้ป่วยสูงวัย (65 ปีขึ้นไป) กลับมีแนวโน้มลดลง

ดร.ชาโตฟเน้นย้ำว่า คนรุ่นใหม่ควรเริ่มใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง “พฤติกรรมการกิน” ที่อาจดูปกติในชีวิตประจำวัน แต่กลับกลายเป็นตัวเร่งให้เกิดโรคร้ายโดยไม่รู้ตัว “น้ำหวานอาจไม่ใช่แค่เรื่องแคลอรีอีกต่อไป แต่มันอาจเป็นภัยเงียบที่ค่อยๆ พาเราเข้าใกล้ความเสี่ยงของโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง โดยเฉพาะในวัยที่เราควรจะมีสุขภาพดีที่สุด” ดร.ชาโตฟเตือนส่งท้าย

ดังนั้น แนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหวานหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเป็นประจำ หันมาบริโภคผักผลไม้สด น้ำเปล่า และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ในอนาคต