ด่วน!! ‘ผบ.ทบ.’ งัดมาตรการ เปิด-ปิดด่าน จากเบาไปหนัก ตอบโต้เขมร

ด่วน!! ‘ผบ.ทบ.’ งัดมาตรการ เปิด-ปิดด่าน จากเบาไปหนัก ตอบโต้เขมร

ด่วน! ‘ผบ.ทบ.’ งัดมาตรการ เปิด-ปิดด่าน จากเบาไปหนัก ตอบโต้เขมร รุกล้ำอธิปไตยหลังใช้กำลังทหาร คุกคาม ให้อำนาจ 2 ผบ.กองกำลัง พิจารณาวิธีการ-ขั้นตอน

เมื่อเวลา 11.39 น. วันที่ 7 มิ.ย.2568 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ลงนามในคำสั่งกองทัพบก ที่ 806/2568 เรื่อง ควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ความว่า โดยที่ปรากฏว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมาได้เกิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

โดยพลเรือนและกําลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ข้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง และแสดงท่าทีที่พยายามให้เกิดความเข้าใจว่าพื้นที่ตนรุกล้ำเข้ามานั้นเป็นของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงเคารพธงชาติ การติดอาวุธเข้ามาในพื้นที่ ทั้งที่ชัดเจนว่าดินแดนที่รุกล้ำเข้ามานั้นเป็นของราชอาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์

ซึ่งกองทัพบกได้สั่งการให้กําลังพลเข้าระงับเหตุโดยการเจรจาชี้แจงเหตุผลให้ทราบและผลักดันให้ บุคคลดังกล่าวออกไปเสียให้พ้นจากราชอาณาจักรไทยตามหลักสันติวิธีและด้วยความอดทน อดกลั้นต่อการยั่วยุของฝ่ายตรงข้าม

แต่พลเรือนและกําลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชายังพยายามที่ จะรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรและแสดงท่าทียั่วยุโดยไม่หยุดยั้งและอย่างเปิดเผย เกิดความ ตึงเครียดขึ้นตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และต่อประชาชนของทั้งสองประเทศที่มี ความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน

จนกระทั่งมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพบกต้องใช้มาตรการเข้มข้น ในการผลักดันผู้รุกรานให้พ้นไปเสียจากราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ผลประโยชน์ของชาติ และบูรณภาพแห่ง ดินแดนที่ไม่อาจยอมรับได้

แม้รัฐบาลไทยและกองทัพบกจะได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะระงับยับยังความตึงเครียดตามแนวชายแดนโดยใช้กลไกที่มีตามที่ตกลงกันไว้กับกัมพชา แต่ความพยายามดังกล่าวกลับไม่ได้รับการตอบสนองในเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชา

ทั้งยังปรากฏด้วยว่า กัมพูชาได้เสริม กําลังพลและอาวุธและยุโธปกรณ์เข้ามาประชิดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อีกเป็นจํานวนมาก มีการจัดทําที่มั่นสําหรับวางกําลังทางทหาร อันแสดงให้เห็นถึงความไม่ร่วมมือกับประเทศไทยที่มุ่งหมายจะระงับความตึงเครียดดังกล่าวโดยสันติ และเป็นพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้อง บนสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2519 (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia, 24 February 1976)

ความตึงเครียด และการเสริมกําลังพลและอาวุธยุทธโธปกรณ์แสดงให้เห็นความตั้งใจอย่างชัดเจนที่ จะใช้กำลัง เช่นนี้ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้และเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งต่อธิปไตย และ ความมั่นคงของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และกระทบต่อความเป็นอยู่โดยปกติ สุขของพี่น้องชาวไทยและกัมพูชาที่อยู่อาศัยร่วมกันอย่างสันติตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มาช้านาน

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังคงยึดมั่นหลัการอยู่ด้วยกันอย่างสันติ และแสวงหา หนทางระงับยับยั้งความตึงเครียดด้วยการเจรจากันด้วยเหตุผล ภายใต้หลักการที่ต้องดูแลพี่น้อง ประชาชนชาวไทยและกัมพูชาไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนเกินสมควรจากความตึงเครียดนั้น

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น สภาความมั่นคงแห่งชาติ ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 จึงมอบหมายให้กองทัพบกดําเนินการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนว ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ กับมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามที่กองทัพบกกําหนดโดยเคร่งครัด เพื่อให้ด้าเนินการเป็นไปตามที่ได้รับมอบหมายจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ ดังกล่าว

กองทัพบกจึงกําหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดังต่อไปนี้

กองทัพภาคที่ 1 โดยผู้บัญชาการกองกําลังบูรพา และกองทัพภาคที่ 2 โดยผู้บัญชาการกองกําลังสุรนารี มีอำนาจกําหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขหรือ เงื่อนเวลาที่จําเป็นและเหมาะสมในการผ่านแดนบริเวณจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ในส่วนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ

โดยคํานึงถึงความจําเป็นในการทํามาค้าขายและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว

ทั้งนี้ หากมีความจําเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และการรักษาความปลอดภัยใน ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย ให้มีอำนาจกําหนดให้เปิดหรือปิดจุดผ่านแดนแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือทุกแห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้เงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาใด ตามที่เหมาะสมก็ได้

ด่วน! ‘ผบ.ทบ.’ งัดมาตรการ เปิด-ปิดด่าน จากเบาไปหนัก ตอบโต้เขมร 

ด่วน! ‘ผบ.ทบ.’ งัดมาตรการ เปิด-ปิดด่าน จากเบาไปหนัก ตอบโต้เขมร