โต้เดือด แม่ตั๊ก-ผู้เสียหาย ปมซื้อทองออนไลน์ คนขายยันแท้ ไม่มีเก๊ คนซื้อโวยหมดศรัทธา เห็นใจบุญ แต่ไม่ซื่อสัตย์ หลังจากนี้เตรียมดำเนินคดี
วันที่ 23 ก.ย. 2567 ที่มาลีนนท์ทาวเวอร์ ถ.พระราม 4 เขตคลองเตย กทม. แม่ตั๊ก กรกนก สุวรรณบุตร พร้อมคุณเบียร์ สามี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ดราม่าหลอกขายทองปลอม โดยทั้งคู่ได้ชี้แจงชัดเจนว่าทองที่ร้านตนขายได้รับการพิสูจน์ผ่านรายการโหนกระแสแล้วว่าเป็นทองจริง 99% วอนสื่อมวลชนนำเสนอข่าวตรงไปตรงมา ห้างทองของตนจำหน่ายทองแท้ ไม่มีปลอมตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
ตนยืนยันจะซื้อทองคืนจากผู้เสียหายทุกคนราคาเต็มจำนวนในกรณีที่ซื้อทอง “ปี่เซียะ” โดยอ้างได้เลยว่ามาจากรายการโหนกระแส พร้อมหลักฐานการซื้อขายทั้งหมด ตนยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ ซึ่งตนบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว ยืนยันแจ้งน้ำหนัก เปอร์เซ็นต์ทองในไลฟ์ตลอด
ทางร้านทอง รวมไปถึงตนและครอบครัวได้รับผลกระทบจากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จเป็นอย่างหนัก คุณเบียร์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นว่าเหตุผลที่ตนมารายการในวันนี้ ตนมาเพื่อลูกสาว เพื่อปกป้องสิทธิตนเอง เพราะการถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นความจริง ทำให้ชื่อเสียงร้านเสื่อมเสียมาก ลูกสาวตนก็ถูกหยอกล้อในประเด็นนี้เช่นเดียวกัน
ด้านคลิปวิดีโอตนเรื่อง ที่คุณสตางค์นำไปเผยแพร่จนเป็นไวรัล และได้มีการโชว์ไปประกันร้านของตนผ่านไลฟ์ และมีการติด hashtag ทองปลอม กล่าวหาทางร้าน ทนายของคุณตั๊ก-เบียร์แจ้งว่า เบื้องต้นยังไม่ได้เป็นคดีอะไรกัน ซึ่งแต่ละฝ่ายจะแก้ต่างอะไรกันยังไง ก็ไปว่ากันในชั้นพิจารณาคดีอีกที
แม่ตั๊ก กล่าวเสริมว่า วอนสื่อนำเสนอสิ่งที่เป็นความจริง ตนยังต้องทำมาหากินต่อไป ให้มันเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ส่วนที่มีการนำเสนอว่าตนและครอบครัวจะบินหนีออกนอกประเทศ ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีเหตุให้หนี ไม่ได้ไปคดโกงใคร ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ จะยังคงค้าขายต่อไป
ยังมีลูกน้องอีกมากมายที่ต้องดูแล อะไรที่เสียไปแล้ว ก็เสียไป ตนเชื่อว่าความดีของตน จะทำให้ร้านเดินต่อไปได้ อย่าไปโจมตีกันว่าซื้อของออนไลน์ไม่ดี ทุกที่ก็มีมาตรฐานของเขา ไม่ใช่แค่ร้านทอง แต่รวมไปถึงธุรกิจอื่น ๆ ด้วย
ขณะเดียวกัน คุณอภินันท์ เดือนดาว หรือสตางค์ อายุ 37 ปี จาก จ.อุตรดิตถ์ ผู้เสียหายรายแรกที่ออกมาตีแผ่เรื่องราวนี้ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนนำทองไอ้ไข่และสร้อยทอง จากร้านขายทองชื่อดังในติ๊กต็อกไปขาย แต่ร้านทองไม่สามารถรับซื้อได้ โดยบอกทองที่ตนซื้อมามีเปอร์เซ็นทองไม่ถึงและทองที่นำมาขายได้ต้องมียี่ห้อ ส่วนดอกกุหลาบทองที่ได้เป็นของแถมนั้นตนก็เอาไปให้ร้านดูด้วย ซึ่งทองดังกล่าวตนได้มาเป็นของขวัญเมื่อ 2 ปีกว่าโต้เดือด แม่ตั๊ก-ผู้เสียหาย ปมซื้อทองออนไลน์ คนขายยันแท้ ไม่มีเก๊ คนซื้อโวยหมดศรัทธา
หลังจากตีแผ่เรื่องนี้ออกไป ก็มีผู้เสียหายหลายร้อยคน ทักแชทมาหาตนทั้งทางติ๊กต็อก เฟซบุ๊ค และไลน์ ว่าเอาทองจากร้านนี้ไปขายแล้วขายไม่ได้เหมือนกัน โดยตนไม่ได้เอ่ยชื่อร้านแต่อย่างใด ต้องการเพียงเตือนภัยมิจฉาชีพขายทองปลอมเฉยๆ แต่ด้านคู่กรณีดันเอ่ยชื่อตนในเพจนึงก่อน ส่วนตอนที่ตนหยิบใบรับรองทองออกมาขณะที่ไลฟ์นั้น ตนยอมรับว่าเมาอยู่ ฝั่งคู่กรณีเลยน่าจะโกรธตน ทั้งนี้ตนอยากจะเตือนภัย ถ้าทองจริงมันขายที่ไหนก็ได้ ไม่ควรถือไปแล้วเขาไม่รับ
ด้านคุณปิยะธิดา สุขหน่าย หรือคุณกวาง อายุ 40 ปี ผู้เสียหายที่ซื้อทองไปกว่าหลักแสนบาท เล่าว่าทางร้านโฆษณาว่า ปี่เซียะนี้ ทอง 99.9% ขายได้ จำนำได้แน่นอน และตนก็ศรัทธาในตัวเจ้าของร้าน เห็นว่าเขาใจบุญ ช่วยเหลือคนนู้นคนนี้
แต่พอตนเดือดร้อนเอาทองไปขายกลับไม่ได้ราคา นอกจากนี้ตนเคยซื้อปี่เซียะ ทอง 9 เหรียญ 9 ตัว ไปให้แม่ในวันเกิดของตน พอแม่เดือดร้อนจะเอาทองไปขายกลับขายไม่ได้ แม่โมโหจนเอาทองมาเขวี้ยงใส่หน้าตน พร้อมด่าว่า “มึงเอาทองปลอมมาให้กู” รวมแล้วตนซื้อทองจากร้านนี้ไปรวมกว่า 110,000 บาท ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้าย ดูจากตอนเขาไลฟ์ขายแล้วเอฟซื้อเลย ซึ่งซื้อครั้งแรกก็โดนทองปลอมเลย ทองที่ยังขายไม่ได้ก็เก็บไว้อยู่
ตอนนี้ตนก็สบายใจขึ้นมานิดนึง เพราะทุกคนช่วยกันออกมาตีแผ่ร้านขายทองปลอม แม้ตนจะรู้ว่าทองที่ซื้อมาเป็นของปลอมตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว แต่ด้วยความที่เงินหนาไม่สู้เขา จึงทำอะไรไม่ได้ ตนเคยพยายามไปร้องเรียนในไลฟ์สดของร้าน ถามหาเหตุผล แต่เขาก็บล็อค หาว่าเข้ามาก่อกวน
ล่าสุดกำลังคุยปรึกษากับผู้เสียหายทุกคน รวมตัวกันไปแจ้งความ ให้เขาออกมารับผิดชอบในเรื่องนี้ให้ชัดเจนที่สุด
ส่วน วงศ์ผกา ชนะการ หรือคุณฝ้าย ผู้เสียหายอีกราย ยืนยันว่าตนต้องการจี้ถามร้านขายทองดังกล่าว เพราะตนเป็นผู้บริโภค และการที่ร้านอ้างว่าของแถมมีมูลค่ามากกว่าทอง ตนมองว่ามันเอาราคามารวมกันไม่ได้ นอกจากนี้ทางร้านยังไม่ได้บอกขนาดกรัมของทอง มีแค่ราคาอย่างเดียว ตนเองก็ไม่ได้ดูใบรับประกัน ทั้งนี้ตัวปี่เซียะทองที่ตนซื้อมา มีรอยบุบตั้งแต่วันแรก พอจะแจ้งทางร้าน โทรไปก็ไม่มีใครรับ ไปหาที่ร้านก็ไม่เจอ
ตนซื้อทองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 พอปี พ.ศ. 2565 คนนำทองไปขาย 5 ร้าน ก็ไม่มีใครรับเลย มีร้านนึงเห็นทองก็ตกใจ ถามตนว่า “ซื้อมาราคานี้เลยเหรอ” พร้อมแนะนำให้ตนกลับไปขายที่ร้านที่ซื้อมา โดยที่ทองไม่มีสลักหรือตราปั๊มร้านแต่อย่างใด
ทั้งนี้กลุ่มผู้เสียหายก็ไม่ได้โง่ แต่แค่มีความศรัทธานับถือตัวเจ้าของร้าน เห็นเป็นคนใจบุญ จึงอยากสนับสนุนเขา แต่คนขายกลับไม่ซื่อสัตย์กับผู้บริโภค พอเจอตัวคู่กรณีในวันนี้ ก็ไม่เหนว่าเขาจะมั่นแบบในไลฟ์เลย ตนมองว่าการค้าขายต้องเอากำไรแต่พองามถึงจะอยู่ได้
ซึ่งเขาควรมาขอโทษ ตนและผู้เสียหายคนอื่นกำลังจะเดินทางไปแจ้งความก่อนและดำเนินคดีเอาให้ถึงที่สุด จากประสบการณ์ครั้งนี้ ตนอยากให้ทุกคนคิดให้เยอะก่อนซื้อของออนไลน์ ถ้าเป็นของที่มีมูลค่าสูงก็อย่าไปซื้อดีกว่า และอยากให้ทุกคนได้รู้ถึงกลการตลาด อย่าไปหลงเชื่ออะไรง่ายๆ
… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9426574