บริษัทแม่ BYD ทุบราคารถ EV อีกหลายรุ่น BYD Seagull เหลือแค่ 254,xxx บาท

บริษัทแม่ BYD ทุบราคารถ EV อีกหลายรุ่น BYD Seagull เหลือแค่ 254,xxx บาท

บริษัทแม่ BYD ทุบราคารถ EV อีกหลายรุ่น BYD Seagull เหลือแค่ 254,xxx บาท
แชร์เรื่องนี้

BYD เปิดศึกหั่นราคารถยนต์ไฟฟ้ารอบใหม่ จัดหนักลดกระหน่ำหลายรุ่น เริ่ม มิ.ย.นี้

ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน BYD หรือ บีวายดี บริษัทแม่เจ้าของแบรนด์รถ EV ชื่อดัง ประกาศลดราคาครั้งใหญ่อีกรอบ โดยในเดือนมิถุนายนนี้ เตรียมปล่อยโปรโมชั่นลดราคาครอบคลุมรถยนต์กว่า 22 รุ่น นำทัพโดย BYD Seagull ที่ลดเหลือเพียง 55,800 หยวน หรือประมาณ 254,517 บาท เท่านั้น!

ลดราคารัว ๆ สามรอบใน 2 เดือน

นี่คือการปรับลดราคาครั้งที่สามของ BYD ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน สะท้อนถึงแรงกดดันจากการแข่งขันภายในประเทศ แม้ยอดขายรวมช่วง ม.ค.-เม.ย. จะอยู่ที่ 1.38 ล้านคัน แต่ยอดขายในประเทศอยู่เพียง 1.1 ล้านคัน หรือเฉลี่ย 275,000 คันต่อเดือน ยังต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ 5.5 ล้านคัน ซึ่งต้องทำยอดวันละกว่า 15,000 คันในช่วงที่เหลือของปี

รถรุ่นฮิตที่ลดราคาแรง

  • Seagull: เหลือ 55,800 หยวน (ประมาณ 254,517 บาท)
  • Seal: เริ่มที่ 89,800 หยวน (ประมาณ 408,309 บาท)
  • Dolphin: เริ่มที่ 99,800 หยวน (ประมาณ 453,778 บาท)
  • Seal 07 DM-i (1.5L 125km): ลดลงถึง 53,000 หยวน (ประมาณ 241,792 บาท)
  • Qin PLUS DM-i / Qin L DM-i: เริ่มต้นที่ 63,800–79,800 หยวน (ประมาณ 291,063 – 364,052 บาท)

BYD Seal 07 DM-i 

สงครามราคาปะทุ หุ้น BYD ร่วงแรง

ทันทีหลังประกาศลดราคา ราคาหุ้นของ BYD ร่วงลงทันที โดยในตลาดฮ่องกงลดลง 8.6% และตลาด A-share ลดลงกว่า 6% ภายใน 3 วัน ทำให้มูลค่าบริษัทหายไปราว 1 แสนล้านหยวน สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนต่อแนวโน้มกำไรในระยะสั้น

คู่แข่งไม่ยอมน้อยหน้า ร่วมวงลดราคาด้วย

Geely Galaxy ตอบโต้ด้วยการลดราคาสูงสุดถึง 20,000 หยวน (ประมาณ 91,199 บาท) ในหลายรุ่น พร้อมนโยบายแลกรถเก่า และแรงสนับสนุนจากรัฐบาล ทำให้บางรุ่นมีราคาต่ำกว่า 100,000 หยวน สร้างกระแสโปรโมชันดุเดือดที่สุดแห่งปี

เผยโฉม BYD Seagull เก๋งแฮทช์แบ็กไฟฟ้า 5 ประตู วิ่งไกลสุด 405 กิโลเมตร

BYD Seagull

แรงกดดันจากผู้เล่นหน้าใหม่

การแข่งขันไม่ใช่แค่ระหว่างแบรนด์ใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีผู้เล่นใหม่อย่าง Xiaomi และ AITO ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่ม EV ระดับราคากว่า 200,000 หยวน (ราว 911,990 บาท) อีกด้วย

ผลกระทบจากภาวะการแข่งขัน

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผยว่า อุตสาหกรรมรถยนต์จีนมีกำไรเฉลี่ยเพียง 3.9% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภาคอุตสาหกรรมที่ 4.3% ในปีที่ผ่านมา แม้ BYD จะยังมีกำไรเฉลี่ยต่อคันสูงที่สุด (8,733 หยวนในไตรมาสแรก) แต่หากยอดขายไม่ถึงเป้า กำลังผลิตระดับ 6 ล้านคันต่อปีก็อาจใช้ไม่เต็มที่ ส่งผลต่อต้นทุนต่อหน่วยทันที

ความเสี่ยงที่คล้าย “เอเวอร์แกรนด์”

วงในอุตสาหกรรมเตือนว่า การแข่งขันที่รุนแรงเช่นนี้ อาจนำพาอุตสาหกรรม EV จีนเข้าสู่วิกฤตแบบเดียวกับที่ “เอเวอร์แกรนด์” เผชิญในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดย BYD เองกำลังเผชิญแรงกดดันใน 4 ด้าน คือ

  • กำไรลดลง
  • เทคโนโลยีไม่แตกต่าง
  • ความต้องการจากต่างประเทศจำกัด
  • การแข่งขันภายในสูง

เว่ยเจี้ยนจวิน จาก GWM กล่าวเตือนว่า “โศกนาฏกรรมของภาคอสังหาฯ คือ Evergrande ส่วนภาคยานยนต์ EV วันฟ้าผ่าคงอยู่ไม่ไกลเกินรอ”

BYD ฝากความหวังไว้กับตลาดต่างประเทศ

แม้จะเผชิญแรงกดดันในประเทศ BYD ยังมียอดขายต่างประเทศที่เติบโตถึง 117% ในไตรมาสแรก คิดเป็น 214,000 คัน และตั้งเป้า 800,000 คันภายในปีนี้ พร้อมกลยุทธ์ตั้งโรงงานผลิตในไทย และบุกยุโรปด้วยรุ่น Seal ที่ขายแพงกว่าจีนเกือบเท่าตัว

แต่การขยายตลาดโลกยังต้องเจออุปสรรคจากภาษีนำเข้า, กฎระเบียบที่เข้มงวด และการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ในแต่ละประเทศ

สรุปราคารถ EV ในโปรลดเดือน มิ.ย. 2025 จาก BYD

  • Seagull: 55,800 หยวน (254,517 บาท)
  • Sea Lion 05 DM-i: 72,800 หยวน (332,219 บาท)
  • Dolphin: 77,800 หยวน (355,036 บาท)
  • Song PLUS DM-i: 99,800 หยวน (455,211 บาท)
  • Seal 07 DM: 102,800 หยวน (468,895 บาท)

*อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 29 พ.ค. 2025: 1 หยวน = 4.562 บาท