อึ้ง! คนไทยเกือบครึ่งประเทศ ไม่มีเงินสำรองฉุกเฉิน อยู่ได้ไม่เกิน 1 เดือน ถ้าตกงาน

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยคนไทยเกือบครึ่งประเทศไม่มีเงินสำรองฉุกเฉิน แถมอยู่ได้ไม่เกิน 1 เดือนถ้าตกงาน
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจ “คนไทยกับการรับมือปัญหาเศรษฐกิจ” จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,229 คน พบว่า 51.59% ค่อนข้างกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ ขณะที่ 40.60% กังวลมากที่สุดคือ ราคาสินค้าที่แพงขึ้น ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นและหนี้ครัวเรือน
เมื่อถามถึงเงินสำรองฉุกเฉินพบว่า คนไทยกว่า 48.32% มีเงินสำรองฉุกเฉินไม่ถึง 1 เดือน ส่วนอีก 35.24% มีเงินสำรองแค่ 1-3 เดือนเท่านั้น รวมแล้วคิดเป็นสัดส่วน 83.56% ที่อยู่ในภาวะเสี่ยง
ส่วนการวางแผนการเงินของประชาชน ทั้งการออม การลงทุน การวางแผนทางการเงินทั้งรายได้รายจ่ายนั้น พบว่าคนไทยกว่า 58.99% วางแผนบริหารจัดการเงิน แต่ไม่ได้ทำต่อเรื่อง ส่วน 27.83% วางแผนการเงินและทำต่อเรื่อง และ 13.18% ไม่เคยคิดวางแผนเลย
นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างกว่า 76.06% ไม่มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาผลกระทบจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐ
น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล กล่าวว่า ผลโพลสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของประชาชนต่อปัญหาเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้น และความเปราะบางทางการเงินของคนไทยจำนวนมาก แม้จะพยายามลดรายจ่ายและวางแผนการเงิน แต่ด้วยรายได้ที่ไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ความไม่ชัดเจนของผลการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนด้วย
ว่าที่ร้อยเอกศักดา ศรีทิพย์ อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรกฎหมายมหาชนและบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า ปัจจัยลบจากการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ และภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของ GDP ประเทศไทย ทำให้ประชาชนกังวลต่อราคาสินค้าที่จะสูงขึ้น และหนี้สินครัวเรือนที่จะเพิ่มขึ้น