เปิดใจเปิดอารมณ์แบบจัดเต็มมากๆ สำหรับอดีตนักแสดงสาว เอมมี่ มรกต แสงทวีป มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2547 ที่ผันตัวมาทำงานพิธีกรและยูทูบเบอร์ มาเล่าถึงหลากหลายอารมณ์ในชีวิตของเธอผ่านทางรายการ “Mirror Talk : Mood Talk” ยูทูบแชนแนล MIRROR THAILAND
งานนี้ เอมมี่ มาเล่าถึงมู้ดอารมณ์มากมาย ทั้งความฝันของคุณแม่ที่อยากให้ลูกสาวประกวดนางงาม จนเอมมี่คว้ามงมาได้สมดังใจ แต่ความใฝ่ฝันแท้จริงของตัวเองคืออยากเป็นภริยาเอกอัครราชทูต รวมไปถึงเรื่องความเสียใจที่ต้องเสียน้าชายไปอย่างไม่มีวันกลับเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ไปจนถึงความเสียดายที่หิวมงไม่พอเมื่อตอนประกวดมิสยูนิเวิร์ส
และอีกหนึ่งไฮไลต์ของรายการ เมื่อ เอมมี่ ถูกพิธีกรถามถึงเรื่องอารมณ์โกรธ เอมมี่พูดทันทีถึงเรื่องความโกรธที่มีต่อเพื่อนสองคนที่เธอรักมาก แต่สุดท้ายกลับถูกทำร้ายและไม่เห็นหัวเธอเลย
“ถ้าพูดว่าโกรธเหรอ ก็มีหน้าคนบางคนลอยมา ถามว่าสถานการณ์แบบไหนที่ทำให้คนที่ค่อนข้าง positive (มองโลกในแง่บวก) รู้สึกโกรธ เราว่ามันมากับความคาดหวังผสมกับความรัก ความหวังดี กับเห็นแก่ตัว
จริงๆ เมื่อไม่นานมานี้เราแบบมีคนที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งน้องกับเราเนี่ย สองคนแล้วกัน ที่เราว่าเราให้ คือถ้าเป็นเพื่อนจะรู้ว่าเรารักเพื่อนมาก เพื่อนคือทำให้เราทะเลาะกับแฟนได้ ถ้าเพื่อนต้องการเรา เราจะไปหาเพื่อน ไม่ว่าสามีหรือแฟนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
และเราเป็นคนเวลารักใครเราให้เต็มร้อย บางที favor บางอย่างที่เราไม่จำเป็นต้องใช้ เราก็ใช้เพื่อเพื่อนเรา คอนเน็กชั่น หรืออะไรอย่างนี้ที่เราเคยใช้กับเพื่อนแล้วแบบ… ตอนแรกเราก็นึกว่าเขา appreciate (พอใจ) แต่พอเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น เรารู้ว่าหนึ่งเขานึกถึงตัวเองก่อน สองเขาไม่เห็นหัวเราเลย
เราโกรธที่เราไปหลงรัก หลงเชื่อ หลงให้ใจกับคนที่เขาไม่เห็นค่าของมัน โกรธเขาก็โกรธแหละ แต่โกรธตัวเองมากกว่าที่แบบ ‘หืม เอาอีกแล้วนะเอมมี่’ ที่เรานึกขึ้นได้ก็คือ 2 ครั้ง 2 คนที่ควรเป็นบทเรียนได้แล้วว่าคุณไม่ควรที่จะเต็มที่ขนาดนั้น
แล้วเชื่อมั้ย สองครั้งจะเป็นที่สามีเราบอกว่า พี่หนุ่มว่า เขาอาจจะไม่ได้น่ารักเหมือนที่หนูคิดก็ได้ แล้วนี่ก็คือเพื่อนเรา อย่าว่าเพื่อนเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพี่หนุ่มเขาเป็นคนที่คอยหวังดีกับเราตลอดเวลา แต่เราก็จะพูดกับเขาว่า ถ้ามี่ไม่ได้เจอด้วยตัวเอง มี่ไม่มีวันรู้หรอก แล้วไม่มีวันเรียนรู้ว่าต้องจัดการกับมันยังไง”
เมื่อถามว่าแปลว่าเราไม่ได้บอกเขาหรือเปล่า เอมมี่บอกว่า “เราว่าบางสิ่งบางอย่างในชีวิต มันบอกกันได้นะ แต่บางอย่างเขาก็ต้องเรียนรู้ด้วยตัวของเขาเอง ขนาดเราบอกมาตั้งนานขนาดนี้ เขายังทำกับเราขนาดนี้เลย อย่างอื่นคือตามสบายเลย คุณก็ต้องไปเผชิญกับชีวิตของตัวเอง แต่อันนั้นก็พูดว่าเป็นความโกรธที่รุนแรง เพราะเราก็พูดว่าแบบ… คนแบบนี้มัน… เราไม่ได้บอกว่าเราดีนะ แต่ถ้าเกิดเขายังไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิด หรือขอโทษสักคำก็ไม่มี ก็ไม่ต้องอยู่ในชีวิตเรา”
ถามว่าถ้าเขายังขอโทษ อาจจะโกรธน้อยลงไหม เอมมี่ตอบว่า เชื่อไหมว่าถ้าเขาขอโทษ แล้วเขาบอกว่าที่ตัดสินใจเพราะมีเหตุผลนี้ๆ เราอาจจะเข้าใจและหายโกรธทันทีก็ได้ หรีอเราอาจจะเข้าใจ โกรธอาจจะนานขึ้น แต่สุดท้ายเราไม่ได้เป็นคนใจร้ายใจดำขนาดนั้น เราก็เป็นคน positive ระดับหนึ่ง เราอาจไม่มีเวลานั่งโกรธคนได้นานขนาดนั้น เคยคุยกับผู้จัดการกับผู้ช่วยว่า ถ้าวันนี้เขากลับเข้ามาในชีวิตเรา เราจะรู้สึกอะไรกัน เราก็บอกว่าก็โอเค เซย์ไฮ ทักทายได้ แต่เราจะไม่ให้ใจแบบที่เราเคยให้แล้ว
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม