หนุ่มหายตัวกลายเป็นศพในคลอง ผู้ก่อเหตุคือแม่แท้ๆ ฟังเหตุจูงใจได้แต่หดหู่22 ก.พ. 2568 | 17:10 น.

เกิดเรื่องสะเทือนใจขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในเขตรัฐอานธรประเทศ ริมชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอินเดีย หลังจากที่ชายรายหนึ่งวัย 35 ปี อาชีพทำความสะอาด และมีสถานะโสด หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา กระทั่งต่อมาพบชิ้นส่วนของเขาในคลอง

ทว่าภายหลังจากการสืบสวนของทางตำรวจ ได้พบความจริงที่น่าตกใจว่า คนร้ายผู้ก่อเหตุไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน แต่เป็นแม่แท้ๆ วัย 57 ปีของผู้เสียชีวิตนั่นเอง โดยขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมของทางเจ้าหน้าที่
ตามรายงานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า แม่ได้ลงมือก่อเหตุกับลูกชายของตัวเอง เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าอาวุธที่ใช้คือขวาน หรือของมีคมในลักษณะคล้ายกัน จากนั้นศพของเหยื่อถูกแบ่งเป็น 5 ส่วน โดยมีครอบครัวของเธอให้การช่วยเหลือ
ก่อนที่เธอจะนำชิ้นส่วนของศพลูกชายแบ่งใส่ถุงกระสอบ 3 ใบ แล้วนำไปกำจัดทิ้งในคลองนาคาลากันดี ในพื้นที่หมู่บ้านคัมบัม เขตปรากาสัม ของรัฐอานธรประเทศ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่า คนร้ายผู้ก่อเหตุมีแรงจูงใจมาจากพฤติกรรม “วิปริต” ของลูกชายตนเอง
ตามรายงานระบุว่า หลังจากที่สืบสาวไปเรื่อยๆ จึงพบว่า ลูกชายซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตได้ล่วงละเมิดและพยายามจะกระทำชำเราพี่น้องของแม่เขาหลายคน ทั้งที่อยู่ต่างเมือง ทำให้ผู้เป็นแม่โกรธแค้นจนทนไม่ได้ ในที่สุดจึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุดังกล่าว
“เพราะทนเห็นลูกชายประพฤติผิดและกระทำอนาจารไม่ได้อีกต่อไป เธอจึงจัดการเขา” ผู้กำกับการตำรวจท้องถิ่น กล่าว โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย

ข้อมูลจาก MS News