เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ว่า ที่ประชุมได้รับทราบ และได้หารือการเปิดลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ซึ่งจะเริ่มก่อนสิ้นเดือนมีนาคม 2568 เบื้องต้น คาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนกว่า 25 ล้านคน แบ่งเป็น ผู้ที่มีสิทธิในปัจจุบัน 14.5 ล้านคน และอีก 10 ล้านคน เป็นกลุ่มใหม่ ที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน
ซึ่งมากจากประชาชนที่เพิ่งอายุครบ 18 ปี และกลุ่มที่เคยลงทะเบียนในรอบก่อนแต่ไม่ได้รับสิทธิ “ตัวเลขผู้ลงทะเบียนจะใกล้เคียงกับรอบก่อนเมื่อปี 2565 ที่มี 20 กว่าล้านคน แต่สำหรับการลงทะเบียนรอบนี้เมื่อผ่านการคัดกรองแล้ว คาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิลดลง เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น และรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนบางกลุ่มหลุดพ้นจากความยากจน” นายจุลพันธ์กล่าว
นายจุลพันธ์กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดการลงทะเบียนเบื้องต้น กลุ่มผู้มีสิทธิเดิม 14.5 ล้านคน ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ รัฐบาลจะนำรายชื่อไปคัดกรองสิทธิให้อัตโนมัติ ส่วนกลุ่มผู้ที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน จะต้องมีการลงทะเบียน โดยจะเริ่มได้ก่อนสิ้นเดือนมีนาคม 2568 ทั้งนี้ ได้มีการมอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นทางรัฐ และศึกษาขั้นตอนการลงทะเบียนที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบถึงสวัสดิการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน พบว่า มีประชาชนที่ได้รับสิทธิ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้ไปยืนยันตัวตน และไม่ได้รับสวัสดิการกว่า 1 ล้านคน ซึ่งขอแจ้งให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าว ไปตรวจสอบสิทธิ ผ่านเว็บไซต์ จากนั้นให้เร่งดำเนินการยืนยันตัวตนผ่านธนาคารกรุงไทย ภายใน 26 ธันวาคมนี้ เพื่อรับสิทธิสวัสดิการที่เหลือ แต่จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง
นายจุลพันธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้งบประมาณกว่า 6 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งในรอบใหม่มีความตั้งใจที่จะให้กระบวนการลงทะเบียนตรวจสอบคุณสมบัติ รู้ผลได้ภายในกรกฎาคม 2568 เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดตั้งงบประมาณในปี 2569 นายจุลพันธ์กล่าวว่า ขณะเดียวได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ทบทวนเกณฑ์คุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิให้มีความรัดกุมมากขึ้น ป้องกันไม่ให้คนจนไม่จริงเข้ามาสวมสิทธิ แล้วกลับมาเสนอภายใน 1 เดือน ซึ่งในด้านเกณฑ์รายได้ครัวเรือนยังมีอยู่เหมือนเดิม ขณะที่เกณฑ์เรื่องการถือครองที่ดิน จะทำให้สามารถตรวจสอบใช้ได้จริง อีกทั้งจะดูรายละเอียดในเรื่องสินทรัพย์ การถือครองสลากและพันธบัตรด้วย
นายจุลพันธ์กล่าวว่า รวมทั้งคณะกรรมการยังให้ทบทวนสิทธิและสวัสดิการของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้เหมาะสม เช่น
วงเงินการซื้อของจากร้านธงฟ้า ค่าแก๊ส ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ใช้สิทธิเพียง 40% และยังรวมถึงค่าเดินทางด้วย เช่น โดยปัจจุบันยังพบว่ามีการใช้สิทธิคงเหลืออยู่จำนวนมาก ให้ สศค.กลับไปพิจารณาในประเด็นนี้ และให้ไปศึกษาเรื่องการรีสกิลอัพสกิล เพื่อให้หลุดพ้นความยากจนด้วย “รวมไปถึง ที่ประชุมยังได้หารือถึงการทบทวนสิทธิ โดยจะมีการทบทวนเปิดลงทะเบียนในทุก 2 ปี ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการทบทวนคุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิทุกๆ 8 เดือน หากหลุดพ้นจากความยากจนแล้ว ก็จะโดนตัดสิทธิระหว่างทาง” นายจุลพันธ์กล่าว