ทำไมเราไม่ควรกินอาหารเช้าเกินเวลา 9 โมงเช้า

ศาสตร์การแพทย์แผนจีนนั้นได้มีการกล่าวถึงเรื่องของนาฬิกาชีวิตซึ่งถือเป็นเคล็ดลับหย่างเซิงสุขภาพ โดยมีการแบ่งเวลาใน 1 วันออกเป็น 12 ชั่วยาม โดยที่ 1 ชั่วยามเท่ากับ 2 ชั่วโมง ดังนั้นหมอจีนจึงแนะนำให้ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันตามนาฬิกาชีวิต สำหรับเรื่องของเวลาสำหรับอาหารเช้าเองนั้นถูกเรียกว่าเป็นช่วง “ยามเฉิน” คือช่วงเวลาระหว่าง 7.00-9.00 น.ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หมอจีนแนะนำว่าควรทานอาหารเช้า

ยามเฉิน ตามหลักแพทย์แผนจีน คือช่วงเวลาตั้งแต่ 7.00 – 9.00 น. เป็นช่วงเวลาที่อวัยวะภายในที่สำคัญอย่าง กระเพาะอาหารจะทำงานอย่างแข็งขันที่สุด ในช่วงเวลานี้ พลังชี่และเลือดจะไหลเวียนไปเลี้ยงกระเพาะอาหารมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการย่อยอาหารที่เราจะรับประทานเข้าไปในช่วงเช้า

หากเราทานอาหารในช่วงเวลายามเฉินจะมีประโยชน์ดังนี้

  • การย่อยอาหารมีประสิทธิภาพสูงสุด: การรับประทานอาหารเช้าในช่วงยามเฉิน จะช่วยให้กระเพาะอาหารทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ป้องกันโรคกระเพาะ: การปล่อยให้กระเพาะอาหารว่างในช่วงเช้า อาจทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่โรคกระเพาะ
  • ให้พลังงานแก่ร่างกาย: อาหารเช้าเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่ช่วยให้ร่างกายมีพลังงานในการทำงานตลอดทั้งวัน
  • ช่วยให้สมองทำงานได้ดี: การรับประทานอาหารเช้าที่สมดุล จะช่วยให้สมองได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ทำให้มีความจำดีขึ้น และมีสมาธิในการทำงาน
  • ป้องกันโรคอ้วน: การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยควบคุมความอยากอาหารในระหว่างวัน ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน

อาหารที่เหมาะสมในช่วงยามเฉิน

  • อาหารอุ่นๆ: เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม โอ๊ตเมล
  • ผลไม้สด: เช่น กล้วย แอปเปิล ส้ม
  • ธัญพืช: เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต
  • โปรตีน: เช่น ไข่ต้ม นม ถั่ว

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงยามเฉิน

  • อาหารเย็น: อาหารเย็นและอาหารที่มีไขมันสูง อาจทำให้อาหารย่อยยาก และส่งผลต่อการทำงานของกระเพาะอาหาร
  • เครื่องดื่มเย็น: เครื่องดื่มเย็นอาจทำให้กระเพาะอาหารหดตัว และส่งผลต่อการย่อยอาหาร
  • การอดอาหาร: การอดอาหารเช้าเป็นประจำ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว