เลี้ยงเสียข้าวสุก แม่บ้าน ขโมยทอง 700 บาท อ้างหล่นใส่ผ้ากันเปื้อน โป๊ะแตกอวดรวยในโซเชียล

แม่บ้านร้านทอง ขโมยทอง 700 บาท ตั้งแต่ปี 64 ค่ากว่า 20 ล้าน อ้างดื้อๆหล่นใส่ผ้ากันเปื้อน วงจรปิดจับภาพชัด เจ้าของร้านจับได้ ถึงชั้นศาลยังปฎิเสธ

เมื่อวันที่ 7 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าของร้านทองแห่งหนึ่ง ในจ.ขอนแก่น นำภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านทอง ในอ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นาทีแม่บ้านของร้านทองอาศัยช่วงที่เจ้าของร้าน ให้เฝ้าหน้าร้านลำพัง ก่อนจะหยิบเอาสร้อยคอทองคำใส่มือ แล้วนำทองใส่ในกระเป๋ากางเกง

เจ้าของร้านทอง เปิดเผยว่า พบความผิดปกติครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ก.ย.67 พบแม่บ้านที่ทำงานอยู่ในร้านทองทำทองรูปพรรณหล่นจากเสื้อกันเปื้อน บริเวณห้องครัวหลังร้าน หลังจากนั้นทางเจ้าของร้านก็เลยสอบถามว่า นำทองมาจากไหน แม่บ้านคนดังกล่าวอ้างว่า น่าจะหล่นจากตู้โชว์มาใส่ผ้ากันเปื้อนตน จากนั้นทางร้านตรวจสอบกล้องวงจรปิด จึงพบว่าแม่บ้านคนดังกล่าวหยิบทองจากตู้โชว์ภายในร้านใส่ผ้ากันเปื้อน

ทางร้านทองจึงตรวจสอบย้อนหลัง พบหลักฐานเพิ่มอีกว่าแม่บ้านคนดังกล่าว ขโมยทองรูปพรรณภายในร้านไปกว่า 47 ครั้ง น้ำหนักกว่า 700 บาท รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกหลักฐานว่ามีการขโมยตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา โดยในเฟซบุ๊กส่วนตัวของแม่บ้านดังกล่าวมีการโพสต์ไปซื้อที่ดิน ซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่ ลูกสาวใส่สร้อยคอเส้นใหญ่ ซึ่งถือว่าผิดปกติ

ส่วนทางคดีของแม่บ้านคนดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุกแม่บ้านคนดังกล่าว 235 ปี โดยไม่รอลงอาญา แม่บ้านคนดังกล่าวยื่นขออุทธรณ์ต่ออีก

จากที่แม่บ้านกล่าวมาข้างต้น เจ้าของร้านทองให้โอกาสแม่บ้านคนดังกล่าวหลายครั้ง แต่สุดท้ายแม่บ้านคนดังกล่าวก็ไม่เอาทองมาคืน โดยคืนเฉพาะบางส่วน สุดท้ายจากยอมรับสารภาพในวันที่โดนจับได้ พอขึ้นศาลจ้างทนายสู้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แล้วฟ้องกลับเจ้าของร้าน

ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตัดสินจำคุกแม่บ้านคนดังกล่าว 235 ปี โดยไม่รอลงอาญา แล้วให้ชดใช้หนี้ที่เหลือพร้อมดอกเบี้ยอีก 18 ล้านบาท แต่แม่บ้านคนดังกล่าวขอยื่นอุทธรณ์ต่ออีก โดยเจ้าของร้านเองไม่ทราบว่าเขาจะยื้อไปทำไม ในเมื่อจำนวนต่อหลักฐานขนาดนั้น กล้องวงจรปิดจับได้ขนาดนั้น จะยื้อเวลาไปทำไม ทำไมถึงไม่นำทรัพย์สินมาคืนข้างร้านทองทั้งหมด

ทองคำทั้งหมดรวมมูลค่ากว่า 700 บาท ราคา ณ เวลานั้น ตีเป็นมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ที่ขโมยไปตอนแรก แต่นำทรัพย์สินบางส่วนมาคืนให้เจ้าของร้านทองประมาณ 7 ล้านบาท ยังเหลือตามที่ศาลตัดสินชดใช้อีก 18 ล้านบาท