สื่อข่าวขแมร์ไทมส์รายงานว่า โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาได้ออกมาพูดถึงกรณีที่ทหารไทยนำนักปั่นจักรยานไทย 150 คนไปเยี่ยมชมพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา และตอบโต้คำกล่าวของพล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่อ้างว่าได้ประสานงานกับฝั่งกัมพูชาก่อนล่วงหน้าแล้ว และมีการย้ำว่าปราสาทตาเมือนธมว่าตั้งอยู่เขตราชอาณาจักรไทย

โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุว่า กัมพูชายืนยันว่าการกระทำดังกล่าวของนักปั่นจักรยาน 150 คนเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน พร้อมกับเน้นย้ำว่าปราสาทตาเมือนธมอยู่ในดินแดนของกัมพูชาและกองทัพกัมพูชามีการตอบสนองที่เหมาะสม เป็นมืออาชีพ และมีความรับผิดชอบสูง

กระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุว่า ทางฝ่ายไทยไม่ได้แจ้งให้ฝ่ายกัมพูชารับทราบล่วงหน้าถึงการนำนักปั่นจักรยาน 150 คนไปยังปราสาทตาเมือนธม ตามที่โฆษกกองทัพบกไทยได้กล่าวอ้าง หากกองทัพไทยไม่มีเจตนาร้ายก็ควรดำเนินการอย่างโปร่งใสและสอดคล้องไปกับข้อตกลงที่ทั้งสองประเทศได้ทำไว้ ซึ่งมีการกำหนดเวลาและเงื่อนไขการเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม

นอกจากนั้น กระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุด้วยว่าแม้กรณีที่นักปั่นจักรยานไทย 150 คนเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมจะเป็นการละเมิดข้อตกลง กองทัพกัมพูชาได้อนุญาตให้นักปั่นจักรยานไทยถ่ายรูปและออกจากบริเวณด้วยความสงบเรียบร้อย ทำให้เห็นว่าทางฝ่ายกัมพูชาใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดโดยไม่จำเป็น แต่ขอให้ฝ่ายไทยปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้ทำไว้

โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังตอบโต้คำกล่าวของพล.ต.วินธัย ที่กล่าวว่าประเด็นดังกล่าวข้างต้นอาจเกิดจากความเข้าใจผิดระหว่างกองทัพกัมพูชาและรัฐบาลกัมพูชา ว่าถ้อยคำดังกล่าวของพล.ต.วินธัยไม่มีความรับผิดชอบ และเป็นพฤติกรรมที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพเพราะตำแหน่งดังกล่าวต้องมอบความจริงและหลักฐานให้สาธารณชน คำกล่าวอ้างของพล.ต.วินธัยมีวัตถุประสงค์เพื่อกลบเกลื่อนความผิดพลาดของกองทัพไทย ที่ทำการละเมิดข้อตกลงและไม่กล้าแสดงความรับผิดชอบ แต่กล่าวหาฝ่ายกัมพูชาเพื่อสร้างความสับสนแก่ประชาชนของตัวเอง

สุดท้าย กองทัพกัมพูชาเน้นย้ำว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นดินแดนของกัมพูชา ตามแผนที่มาตรการ 1 ต่อ 200,000 ตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส 1904 และ 1907