นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตั้งแต่เวลา 12.00 น. คืนนี้(22มิ.ย.) เป็นต้นไป กัมพูชาจะหยุดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซทุกชนิดจากประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง โดยระบุว่า บริษัทจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงภายในกัมพูชามีศักยภาพเพียงพอในการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากประเทศอื่น เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนได้อย่างไม่ติดขัด แม้ในระยะยาว

คำประกาศดังกล่าวส่งผลให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะที่ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีความเคลื่อนไหวคึกคักต่อเนื่อง โดยในช่วงเช้า พบว่ามีรถยนต์จากฝั่งกัมพูชาทยอยข้ามแดนเข้ามาเติมน้ำมันและแก๊สในปั๊มฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ปริมาณจะลดลงจากวันก่อน แต่ความต้องการแก๊สกลับพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ที่ดัดแปลงเป็นระบบแก๊ส LPG และรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่เข้ามาตุนเชื้อเพลิงจำนวนมาก จนสถานีบางแห่งหัวจ่ายแก๊สไม่เพียงพอ

พนักงานสถานีบริการแห่งหนึ่งในอรัญประเทศเผยว่า ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา มีรถหรูและรถจักรยานยนต์จากฝั่งกัมพูชาเข้ามาเติมน้ำมันหนาแน่นเป็นพิเศษ บางรายถึงขั้นนำถังน้ำมันมาเติมกลับไปตุน อีกทั้งยังมีพฤติกรรมเร่งเร้าหรือแสดงอาการไม่พอใจเมื่อต้องรอนานเกินไป

ในส่วนของบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ “โออาร์” ซึ่งมีสถานีบริการน้ำมันในกัมพูชาจำนวน 186 แห่ง และร้านคาเฟ่อเมซอนอีก 254 แห่ง ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยผู้บริหารระดับสูงของโออาร์ออกมาระบุเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่บริษัทเตรียมแผนรองรับโดยจะจำหน่ายน้ำมันในสต๊อกที่เหลืออยู่ในแต่ละสถานีบริการไปก่อน และติดตามท่าทีของรัฐบาลกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การค้าชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–เมษายน) กระทรวงพาณิชย์รายงานว่ามีการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปจากไทยไปยังกัมพูชารวมมูลค่ากว่า 20,011 ล้านบาท ซึ่งหากคำสั่งห้ามนำเข้าถูกบังคับใช้อย่างต่อเนื่อง อาจกระทบต่อมูลค่าการค้าชายแดนในระยะถัดไป