วันที่ 15 ต.ค.67 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2565 เรื่องโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 โดยปรับรอบการลงทะเบียนจาก 1 ปี เป็น 2 ปี ซึ่งรอบต่อไป รัฐบาลจะเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงสิ้นเดือน มี.ค.68 นี้
การเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ จะเริ่มสิ้นเดือน มี.ค.2568 นี้ โดยรัฐบาลจะเอาข้อมูลคนลงทะเบียนทั้งหมด มาร่อนตะแกรงใหม่อีกครั้งทั้งหมด เพื่อให้เห็นว่าใครอยู่ในกรอบที่จะได้รับความช่วยเหลือหรือไม่” นายจุลพันธ์ กล่าว
ส่วนการปรับเงื่อนไขรายละเอียดของผู้มีรายได้น้อยที่จะเข้าร่วมลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ จะปรับปรุงอย่างไรนั้น กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง แต่เบื้องต้นยังยึดกรอบเดิมเอาไว้ก่อน แต่เบื้องต้นจะพิจารณาเกณฑ์ของรายได้ด้วย
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในกระบวนการอุดหนุนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่นั้น รัฐบาลจะพิจารณาข้อมูลอย่างละเอียด เพราะที่ผ่านมารัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือสวัสดิการไปแล้วหลายมิติ จึงต้องนำข้อมูลทุกมิติมารวมกันมาพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งผู้มีรายได้น้อย และผู้พิการ
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครม.ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังมอบหมายให้ทุกหน่วยงานรวมข้อมูลด้านสวัสดิการต่างๆ ของทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน เพราะที่ผ่านมาที่มีการเติมเงิน 10,000 บาท พบปัญหาข้อมูลของบางหน่วยงานไม่เชื่อมโยงกัน จนทำให้เกิดข้อผิดพลาด โดยกระทรวงการคลัง และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะนำข้อมูลมารวมฐานให้อยู่ในตะกร้าเดียวกัน เพื่อให้ในอนาคตจะได้ออกมาตรการมาตรงเป้าหมายมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณสมบัติในการรับ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเกณฑ์คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ เบื้องต้นคาดว่าจะยังไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม ดังนี้
ลงทะเบียนรายบุคคล และตรวจสอบคุณสมบัติเป็นรายบุคคลและครอบครัว
ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย
อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
มีรายได้คนละไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ภายในครอบครัว มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก พันธบัตร ตราสารหนี้ต่าง ๆ ต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปีเช่นเดียวกัน
ต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือที่ดิน เกินจากเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
ไม่มีบัตรเครดิต
ไม่มีวงเงินกู้บ้านตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
วงเงินกู้ซื้อรถตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป
ต้องไม่เป็นภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้รับ
บำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญ ข้าราชการการเมือง รวมถึง สส. และ สว.