ครูสาววัย 37 ถูกผอ.ทำอนาจารนานนับปีจนป่วยซึมเศร้า

ครูสาววัย 37 ถูกผอ.ทำอนาจารนานนับปีจนป่วยซึมเศร้า

ครูสาววัย 37 ถูกผอ.ทำอนาจารนานนับปีจนป่วยซึมเศร้า

เมื่อวันที่ 8 พ.ค.68 เพจ ตราดโพสต์ นิวส์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ตราด ร้องสื่อ! ครูสาววัย 37 ถูกผอ.ทำอนาจารนานนับปีจนป่วยซึมเศร้า เรื่องแดงเพราะกระดกยาแก้แพ้หวังฆ่าตัวตายสามีมาเห็นช่วยทัน ก่อนไปแจ้งความสุดท้ายศาลตัดสินจำคุกผอ. แต่เขตฯปลดครูสาวออกจากราชการด้วยอ้างคบชู้

ผู้สี่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี เป็นอดีตข้าราชการครูอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดตราด หลังได้รับหนังสือปลดออกจากราชการจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราด เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากคบชู้เป็นความผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง หลังจากนั้นได้ร้องไปยัง ก.ค.ศ. และศาลปกครอง ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ อยากวอนผ่านสื่อให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงเพราะกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม

วันนี้ (7 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ในอำเภอที่เกิดเหตุ (ขอสงวนสถานที่) พบกับนางสาวเอ อายุ 37 ปี เป็นอดีตข้าราชการครู เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเป็นข้าราชการครูอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดตราด เมื่อปี 2565 ตนเองถูกผู้อำนวยการโรงเรียนอนาจาร (กอด-หอมศีรษะ) เกือบทุกครั้งที่ตนเข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการ และมีการติดกล้องบันทึกภาพไว้ เอามาแบล็คเมล์และข่มขู่ไม่ให้บอกใครและอ้างว่ามีอาวุธปืนมาข่มขู่ร่วมด้วยรวมถึงยังแอบอ้างชื่อผู้มีอำนาจด้วย ทำให้ตนไม่กล้าบอกใครหรือร้องเรียนที่ใดเลย

จนวันหนึ่งหลังจากที่ตนถูกกระทำมาตลอดกว่า 1 ปีเศษ จำนวนนับสิบๆครั้ง ทำให้ตนทนไม่ไหวจนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เคยคิดฆ่าตัวตายด้วยการกระดกยาแก้แพ้ แต่สามีมาเห็นช่วยไว้ทันเรื่องทั้งหมดจึงแดงขึ้นมาในปี 2566 หลังจากนั้นตนได้เข้าไปแจ้งที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราด และเดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ จนคดีผ่านศาลชั้นต้นระบุว่าตนเองถูกผู้อำนวยการโรงเรียนกระทำอนาจารจริง และสั่งจำคุกผู้อำนวยการโรงเรียน (ศาลตัดสินเมื่อเดือนเมษายน 2568) แต่คู่กรณีประกันตัวและอุทธรณ์ ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนอุทธรณ์

ส่วนด้านสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดตราด หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากตน กลับมีหนังสือปลดตนออกจากราชการ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 โดยให้เหตุผลว่าตนคบชู้และยินยอมให้ผู้อำนวยการล่วงเกิน ทำให้ตนต้องออกจากราชการและว่างงานมาจนถึงวันนี้ ทั้งที่ผ่านมาตนได้ทำเรื่องคำขอไปที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราดแล้วว่าให้รอคำตัดสินจากศาลก่อนและอิงจากคำพิพากษาจากศาลได้หรือไม่

ตนกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาผู้อำนวยการที่เป็นคู่กรณีตนเคยรอดจากเหตุการณ์คล้ายกันนี้มาแล้ว ทำให้ตนกลัวว่าตนจะโดนแบบเดียวกัน ที่ผ่านมาตนได้ไปร้องเรียนอุทธรณ์ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และฟ้องที่ศาลปกครอง และตอนนี้อยู่ขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งผ่านมาแล้ว 5 เดือน ตนยังคงเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ) กระทรวงศึกษาธิการ และศาลปกครอง แต่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราดตนหมดศรัทธาไปแล้ว และอยากฝากบอกว่าอยากให้เจ้าหน้าที่เขตฯ อนุกรรมการหรือผู้มีอำนาจ ให้ใช้อำนาจในทางที่ถูกต้อง ไม่อยากให้ใครต้องมาถูกกระทำแบบตนอีกเลย