เสียใจด้วย!! กลุ่มต่อไปนี้ โดนยุติไม่ได้เงิน 10,0.0.0
เตือน ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ยังไม่ได้เงินดิจิทัล 10,000 บาท ต้องผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน ก่อน 23 เม.ย.นี้ คลังย้ำโอนรอบสุดท้าย 28 เม.ย. 68 พลาดรอบนี้ถือว่าสละสิทธิ วิธีเช็กสถานะแอปฯ ทางรัฐ
นับถอยหลังโอกาสสุดท้าย สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่มีรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 แต่ยังไม่ได้รับเงินโอนเข้าบัญชีเนื่องจากปัญหาต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้ออกมาย้ำเตือนถึงกำหนดการโอนเงินซ้ำ (Retry) รอบสุดท้าย ในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568
จากการจ่ายเงิน 10,000 บาทให้กับผู้สูงอายุกลุ่มเป้าหมายกว่า 3 ล้านราย พบว่า มีผู้ที่โอนเงินไม่สำเร็จในรอบก่อนจำนวนหนึ่ง เนื่องจากยังไม่ได้ลงทะเบียนผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น บัญชีธนาคารที่ผูกไว้ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน บัญชีถูกปิด หรือเลขที่บัญชีไม่ถูกต้อง วิธีแก้ไขรับเงิน 10,000 บาท รอบสุดท้าย 28 เม.ย. 68
กระทรวงการคลังเน้นย้ำจะมีการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้อีก เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้สูงอายุที่มีสิทธิแต่ยังไม่ได้รับเงินให้รีบดำเนินการตรวจสอบสถานะการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐโดยด่วน หากผลการตรวจสอบปรากฏว่า ‘โอนเงินไม่สำเร็จ’ ขอให้เร่งติดต่อธนาคารที่ท่านสะดวก เพื่อดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนให้เรียบร้อย
สำหรับท่านที่เคยผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้แล้วแต่ยังไม่สามารถรับเงินได้ ขอให้ติดต่อธนาคารเพื่อตรวจสอบและแก้ไขสถานะบัญชีของท่านให้เป็นปกติ เช่น ตรวจสอบว่าบัญชีถูกปิดหรือไม่ มีการเคลื่อนไหวล่าสุดเมื่อใด หรือมีเงื่อนไขจำกัดใดๆ หรือไม่ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเปิดบัญชีใหม่และผูกพร้อมเพย์ใหม่ในบางกรณี
ทั้งนี้ ผู้สูงอายุต้องผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนหรือแก้ไขปัญหาบัญชีให้แล้วเสร็จภายในวันพุธที่ 23 เมษายน 2568 นี้เท่านั้น เพื่อให้ทันรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่จะดำเนินการโอนเงินในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568
หากพ้นกำหนดวันที่ 23 เมษายน 2568 ไปแล้ว และยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อย กระทรวงการคลังจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายทันที และจะถือว่าท่านไม่ประสงค์จะรับเงินภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการคลังยังกล่าวเพิ่มเติมว่า จนถึงปัจจุบัน โครงการฯ ได้จ่ายเงิน 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุไปแล้วรวมทั้งสิ้น 2,988,751 ราย คิดเป็นเม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจแล้วกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท จึงขอให้ผู้ที่ได้รับเงินแล้ววางแผนการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าต่อไป และขอให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับเงินรีบดำเนินการตามคำแนะนำภายในเวลาที่กำหนด เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสสุดท้ายนี้